แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ภริยาออกจากบ้านที่อยู่กินกับสามีไปอยู่ที่อื่น ไม่กลับตามคำขอร้องของสามี และบอกให้สามีจัดการเรื่องหย่า ภริยาจงใจละทิ้งร้างไปเกิน 1 ปีสามีฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(4)
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์หย่าขาดจากสามีภริยากับจำเลยให้อำนาจปกครองบุตรอยู่กับจำเลย ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 500 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์จดทะเบียนสมรสกับจำเลยเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2513 และอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาที่ตำบลสวนดอกอำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ที่บ้านนายนิวัติ ศิรินาวิน จนถึงปลายปี พ.ศ. 2514 จำเลยบอกโจทก์ว่าไม่ชอบอยู่ที่บ้านของนายนิวัติต้องการออกไปอยู่ต่างหาก โจทก์บอกว่าโจทก์มีอาชีพขายทองและร้านขายทองอยู่ที่บ้านของนายนิวัติจึงออกไปไม่ได้จำเลยไม่ยอมและหนีออกไปอยู่ที่ร้านที่ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง โจทก์ติดตามไปขอร้องให้จำเลยกลับมาอยู่ด้วยกัน จำเลยไม่ยอมกลับ ต่อมาทราบว่าจำเลยไปอยู่ที่กรุงเทพมหานครตามภูมิลำเนาในคำฟ้อง ระหว่างที่จำเลยอยู่กับโจทก์ โจทก์และญาติของโจทก์ไม่เคยกดขี่ข่มเหงจำเลย เมื่อ พ.ศ. 2521 โจทก์ได้รับจดหมายจากจำเลย แจ้งให้โจทก์จัดการเรื่องหย่าขาดจากกัน โจทก์จึงฟ้องคดีนี้
ปัญหาว่า จำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไปเกินหนึ่งปีดังโจทก์ฎีกาหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว โจทก์จำเลยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาที่จังหวัดลำปางเป็นเวลาหนึ่งปี พอปลายปี พ.ศ. 2514 จำเลยก็ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น โจทก์และอาโจทก์ขอร้องให้กลับมาอยู่ด้วยกันแต่จำเลยไม่ยอมมาแล้วจำเลยไปอยู่กรุงเทพมหานครจนถึง พ.ศ. 2521 จำเลยจึงมีจดหมายถึงโจทก์ ให้โจทก์จัดการเรื่องหย่าขาดจากกันให้ถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยยังอ้างในจดหมายนั้นว่า จำเลยให้เวลาโจทก์มานานมากแล้ว โจทก์ควรจะมีความละอายแก่ใจบ้าง ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไปเกินหนึ่งปีแล้ว โจทก์ฟ้องหย่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516(4) ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้อำนาจปกครองอยู่กับจำเลย (ภริยา) และให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 500 บาทอีกด้วยนั้น เห็นว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทเพียงข้อเดียวว่า จำเลยจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไปเกินหนึ่งปีหรือไม่ ไม่มีประเด็นเรื่องอำนาจปกครองบุตรและเรื่องอุปการะเลี้ยงดูบุตรศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัย
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ”