คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15674/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิกระทำการใด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ายุ่งเกี่ยวกับที่ดินของจำเลย แต่การใช้สิทธิของจำเลยต้องเป็นไปโดยสุจริต และไม่เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นด้วย ที่ดินของจำเลยมีเนื้อที่เพียง 35 ตารางวา เป็นรูปสามเหลี่ยมชายธง มีความกว้างสุดประมาณ 2 เมตร ตามสภาพย่อมไม่สามารถใช้ประโยชน์ในการปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่จะบดบังทัศนียภาพหน้าที่ดินที่เป็นตึกแถวตั้งอยู่ได้ ซึ่งทัศนียภาพดังกล่าวเป็นคูน้ำและทางหลวงสายสุพรรณบุรี – ชัยนาท หมายเลข 340 ที่อยู่หน้าที่ดินของจำเลย ส. เจ้าของที่ดินเดิมก็คงคาดหมายเช่นนี้ จึงสร้างตึกแถวขาย แต่เมื่อมีกำแพงทึบสูงถึง 2.70 เมตร ย่อมทำให้ชั้นล่างของตึกแถวถูกบดบังและผู้อยู่อาศัยย่อมไม่อาจเห็นทัศนียภาพดังกล่าวได้ ทำให้ผู้อยู่ในตึกแถวเสียโอกาสเห็นความเป็นไปบนทางหลวง และผู้สัญจรบนทางหลวงไม่อาจเห็นตึกแถวได้ชัดเจนเช่นกัน ย่อมทำให้ผู้อยู่ในตึกแถวเสียโอกาสในการค้าขาย การที่จำเลยทำกำแพงคอนกรีตทึบสูง 2.70 เมตร โดยขาดเหตุผล จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริต และเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่ให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสาม อันเป็นการไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 421

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนกำแพงคอนกรีตออก หากไม่ดำเนินการให้โจทก์ทั้งสามเป็นผู้ดำเนินการโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนกำแพงคอนกรีตออกจนเหลือความสูงเพียงระดับยอดเสาปูนที่ใช้เป็นหลักของกำแพง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นให้ยก
โจทก์ทั้งสามและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยรื้อถอนกำแพง คงเหลือความสูงจากพื้นทางสาธารณประโยชน์ 1 เมตร ตลอดแนวกำแพง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 31071 มีเนื้อที่ 35 ตารางวา รูปที่ดินเป็นสามเหลี่ยมชายธง มีความกว้างในส่วนที่กว้างที่สุดประมาณ 2 เมตร ความยาวประมาณ 40 เมตร ด้านทิศตะวันตกของที่ดินจำเลยอยู่ติดกับทางสาธารณประโยชน์ด้านหน้าตึกแถวของโจทก์ทั้งสามซึ่งมีความกว้าง 7.50 เมตร ด้านทิศตะวันออกติดทางหลวงสายสุพรรณบุรี – ชัยนาท หมายเลข 340 ที่ดินบางส่วนของทางหลวงแผ่นดินด้านทิศตะวันตกในส่วนที่ติดกับที่ดินของจำเลยมีลักษณะเป็นคูน้ำ เมื่อเดือนกันยายน 2550 จำเลยได้ก่อสร้างกำแพงคอนกรีตทึบสูงประมาณ 2.70 เมตร ยาวประมาณ 40 เมตร อยู่ด้านทิศตะวันตกบนแนวเขตที่ดินของจำเลยทำให้รั้วดังกล่าวบังภูมิทัศน์และการมองเห็นจากตึกแถวของโจทก์ไปยังถนนสาธารณะ
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตหรือไม่ เห็นว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิกระทำการใด ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ายุ่งเกี่ยวกับที่ดินของจำเลย แต่การใช้สิทธิของจำเลยต้องเป็นไปโดยสุจริตและไม่เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นด้วย ที่ดินของจำเลยมีเนื้อที่เพียง 35 ตารางวา เป็นรูปสามเหลี่ยมชายธง มีความกว้างที่สุดประมาณ 2 เมตร ตามสภาพย่อมไม่สามารถใช้ประโยชน์ในการปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่จะบดบังทัศนียภาพหน้าที่ดินที่ตึกแถวตั้งอยู่ซึ่งทัศนียภาพดังกล่าวเป็นคูน้ำและทางหลวงสายสุพรรณบุรี – ชัยนาท หมายเลข 340 ที่อยู่หน้าที่ดินของจำเลย นางส่งศรี เจ้าของที่ดินเดิมก็คงคาดหมายเช่นนี้จึงได้สร้างตึกแถวเพื่อขาย แต่เมื่อมีกำแพงทึบสูงถึง 2.70 เมตร ย่อมทำให้ชั้นล่างของตึกแถวถูกบดบังและผู้อยู่อาศัยย่อมไม่อาจเห็นทัศนียภาพดังกล่าวได้ เมื่อพิจารณาถึงเหตุผลที่จำเลยกล่าวอ้างว่าทำกำแพงเพื่อป้องกันการทิ้งขยะ ก็ปรากฏว่าจำเลยทำกำแพงทึบเพียงด้านเดียวเฉพาะด้านหน้าตึกแถว ซึ่งหากจะมีการทิ้งขยะจริงการสร้างกำแพงลักษณะเช่นนี้ย่อมไม่อาจป้องกันการทิ้งขยะได้ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าเป็นการแสดงอาณาเขตเพื่อป้องกันการรุกล้ำแนวเขตที่ดินนั้นเห็นว่า การสร้างกำแพงไม่จำต้องมีความสูงถึง 2.70 เมตร ก็สามารถป้องกันการรุกล้ำเขตที่ดินของจำเลยได้ ข้ออ้างในการสร้างกำแพงทึบสูงเช่นนี้จึงเป็นการขาดเหตุผลตามที่อ้าง และแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าสร้างกำแพงเพื่อให้มีผลบดบังทัศนียภาพด้านหน้าตึกแถว และทำให้ผู้อยู่ในตึกแถวเสียโอกาสได้เห็นความเป็นไปบนทางหลวงและผู้ที่สัญจรอยู่บนทางหลวงก็ไม่อาจเห็นตึกแถวได้ชัดเจนเช่นกัน ย่อมทำให้ผู้อยู่ในตึกแถวเสียโอกาสในการค้าขายได้ การที่จำเลยทำกำแพงคอนกรีตทึบมีความสูง 2.70 เมตร นั้น จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริต และเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่ให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสาม อันเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยให้ลดความสูงของกำแพงลงนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share