คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1563/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งว่าหากศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำการโดยไม่สุจริต ขอให้บังคับโจทก์ใช้ค่าที่ดินให้จำเลยที่ 2 ดังนี้ ฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่จะเกิดตามมาภายหลังเมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 กระทำการโดยไม่สุจริตให้เพิกถอนสัญญาขายฝากที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสองแล้ว ถ้าจำเลยทั้งสองชนะคดีตามที่ให้การปฏิเสธว่าจำเลยทำสัญญาขายฝากกันโดยสุจริต ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ก็เป็นอันตกไป ดังนั้นฟ้องแย้งจึงเป็นเรื่องที่จะต้องเรียกร้องกันต่างหากเมื่อปรากฏผลคำพิพากษาในคดี นี้แล้วเป็นฟ้องแย้งในเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องแย้งในส่วนที่ขอบังคับโจทก์ให้ใช้เงิน 20,000 บาทให้จำเลยที่ 2 ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงสั่งไม่รับเฉพาะฟ้องแย้งส่วนนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าจำเลยที่ 2ซื้อฝากที่ดินพิพาทไว้โดยสุจริต หากโจทก์ชนะคดีนี้ก็ต้องรับผิดใช้ค่าที่ดินให้จำเลยที่ 2 จึงเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ 2 ฟ้องแย้งในส่วนนี้ว่า หากศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 กระทำการโดยไม่สุจริต ขอให้บังคับโจทก์ใช้เงินค่าที่ดิน20,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้จำเลยที่ 2 เห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องที่จะเกิดตามมาภายหลังเมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 กระทำการโดยไม่สุจริตให้เพิกถอนสัญญาขายฝากที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสองแล้ว ถ้าจำเลยทั้งสองชนะคดีโจทก์ตามที่ให้การปฏิเสธว่าจำเลยทำสัญญาขายฝากกันโดยสุจริต ซึ่งโจทก์ททราบแล้วไม่คัดค้าน ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ก็เป็นอันตกไป ดังนั้นฟ้องแย้งของจำเลยที่ 2 ที่ขอบังคับโจทก์ก็ให้ใช้เงินราคาที่ดินที่ขายฝากจึงเป็นเรื่องที่จะต้องเรียกร้องกันต่างหากเมื่อปรากฏผลคำพิพากษาในคดีนี้แล้ว ไม่อาาจพิจารณาไปพร้อมกับข้อต่ออสู้ในคำให้การได้ จึงเป็นฟ้องแย้งในเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม”

พิพากษายืน

Share