คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1563/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายมิได้รักใคร่กับจำเลยมาก่อน เป็นเพียงคนผู้จักกันเท่านั้น จำเลยได้ชวนผู้เสียหายไปเที่ยวบ้านจำเลย และรับว่าจะพากลับมาส่ง ผู้เสียหายจึงไปกับจำเลยแต่จำเลยกลับพาผู้เสียหายไปพักอาศัยที่บ้านคนอื่น แล้วจำเลยได้ขอจูบแก้มผู้เสียหาย ผู้เสียหายปิดป้องขัดขืน กรณีดังนี้จะถือว่าผู้เสียหายเต็มใจไปกับจำเลยหาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 318

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจพรากนางสาวเพ็ชราอายุ ๑๕ ปี บุตรสาวนายประพิศ ไปจากความปกครองดูแลของนายประพิศ เพื่อการอนาจาร โดยนางสาวเพ็ชราไม่เต็มใจไปด้วย ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๘ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๘ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๒ จำคุก ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๙ วรรคแรก ซึ่งแก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๒ จำคุก ๖ เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นางสาวเพ็ชราผู้เสียหายอายุ ๑๕ ปี อยู่ในความปกครองดูแลของนายประพิศบิดา เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๒๑ เวลา ๑๔ นาฬิกา ขณะที่ปกครองดูแลของนายประพิศบิดา เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๒๑ เวลา ๑๔ นาฬิกา ขณะทีผู้เสียหายช่วยบิดาขายกาแฟอยู่ที่ร้านหน้าองค์การแก้วบางนา จำเลยได้ชวนผู้เสียหายไปเที่ยวบ้านจำเลยที่ตำบลบางกรวย จังหวัดนนทบุรี แต่เมื่อถึงบ้านจำเลย แทนที่จำเลยจะพาผู้เสียหายไปเที่ยวบ้านจำเลย จำเลยกลับพาผู้เสียหายไปพักอาศัยที่บ้านคนอื่น ซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นญาติกับจำเลยแต่อย่างใด แล้วจำเลยได้ขอจูบแก้มผู้เสียหาย ผู้เสียหายปิดป้องขัดขืนโดยใช้มือปัดและเท้าถีบจำเลย จำเลยจึงพาผู้เสียหายออกมานอกบ้านและขอร้องอย่าเอาเรื่องกับจำเลย แล้วจำเลยพาผู้เสียหายกลับเข้าบ้านนั้นอีก ต่อมาราวเที่ยงคืนจึงมีคนมาพาตัวผู้เสียหายไปพบเจ้าพนักงานตรำวจและบิดาผู้เสียหาย ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าผู้เสียหายมิได้รักใคร่กับจำเลยมาก่อน เป็นเพียงคนผู้จักกันเท่านั้น จำเลยได้ชวนผู้เสียหายไปเที่ยวบ้านจำเลย และรับว่าจะพากลับมาส่ง ผู้เสียหายจึงได้ไปกับจำเลยโดยมิได้นำเงินติดตัวไปเลย แต่จำเลยพาไปแล้วกลับลวนลามกอดจูบผู้เสียหายดังกล่าวมา กรณีดังนี้จะถือว่าผู้เสียหายเต็มใจไปกับจำเลยหาได้ไม่ เพราะที่ผู้เสียหายไปด้วยก็เพราะมีความเชื่อถือจำเลยโดยบริสุทธิ์ใจ ว่าจะพาไปเที่ยวบ้านจำเลยโดยแท้จึงยอมไปด้วย หากไปแล้วกลับถูกจำเลยลวนลาม กอดจูบก็คงไม่ยอมไปด้วยแน่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นเรื่องพรากผู้เยาว์ ซึ่งมีอายุไม่เกิน ๑๘ ปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจ ไปด้วย เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๘ หาใช่มาตรา ๓๑๙ ไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๘ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๒ จำคุก ๒ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน

Share