คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1562/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม่มีบทบัญญัติใดที่จะห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในระหว่างที่จำเลยจะปฏิบัติตามคำบังคับอยู่ ยื่นขอส่วนเฉลี่ยจากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่นำยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ไว้แล้ว

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษาบังคับตามสัญญาประนีประนอมให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย 22,736 บาท 25 สตางค์ แก่โจทก์ จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาล โจทก์นำยึดที่นา 1 แปลงกับเรือน 1 หลังของจำเลยเพื่อขายทอดตลาด ครั้นต่อมานางแหวว โจทก์ในสำนวนคดีแพ่งแดงที่ 166/2498 ที่ชนะคดีจำเลยคนเดียวกันนี้ตามคำพิพากษาลงวันที่ 31 ธ.ค. 2498 ได้ยื่นคำร้องขอรับส่วนเฉลี่ยทรัพย์ที่ยึดไว้ในคดีนี้โดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้น แต่โจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยไว้แล้ว จำเลยไม่มีทรัพย์สินอย่างใดเหลืออีก

โจทก์คัดค้านว่าทรัพย์ของจำเลยนอกจากที่โจทก์ยึดแล้วจำเลยยังมีทรัพย์อื่น ๆ อีกและคดีที่ผู้ร้องชนะจำเลยนั้นระยะเวลาที่ศาลกำหนดให้จำเลยปฏิบัติตามคำบังคับ 30 วัน ยังไม่ล่วงพ้นไปคดียังไม่ถึงที่สุด ผู้ร้องจึงไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาที่จะขอให้บังคับยึดทรัพย์จำเลยได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอเฉลี่ย

ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า คำบังคับในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์นั้นกำหนดให้จำเลยปฏิบัติภายใน 30 วัน ซึ่งยังอยู่ในระหว่างที่จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำบังคับ จำเลยอาจสามารถปฏิบัติตามคำบังคับในคดีนั้นได้อยู่ ผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะมาขอเฉลี่ย ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยที่โจทก์นำยึดไว้ได้ไม่จำต้องรอให้คดีถึงที่สุด แต่จะต้องได้ความว่าผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลย ซึ่งคู่กรณียังโต้เถียงกันอยู่ ศาลชั้นต้นควรจะวินิจฉัยข้อนี้ กลับสั่งยกคำร้องเพราะเหตุที่จำเลยยังอาจสามารถปฏิบัติตามคำบังคับได้ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและสั่งใหม่ตามรูปคดี

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีบทบัญญัติใดที่จะห้ามมิให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในระหว่างที่จำเลยจะปฏิบัติตามคำบังคับอยู่ยื่นคำขอส่วนเฉลี่ยจากโจทก์ในคดีนี้ได้ ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดมาชอบแล้วพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้นให้ยกเสีย

Share