คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีล้มละลายที่โจทก์ฟ้องจำเลยและศาลยกฟ้องไปแล้วนั้น มีประเด็นข้อใหญ่อยู่ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่มีทรัพย์สินจะชำระหนี้ อยู่ในเกณฑ์ที่ศาลจะพิพากษาให้ล้มละลายได้หรือไม่ ในคดีนี้มีประเด็นอยู่ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จริงหรือไม่ โดยโจทก์ฟ้องขอให้ชำระหนี้เงินที่จำเลยกู้เงินโจทก์ไป ซึ่งเป็นคนละประเด็นกันการวินิจฉัยในเรื่องทั้งสองนี้จึงมิได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำและไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144, 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ล้มละลายตามคดีแดงที่ ล.๓/๒๕๐๗ ศาลพิพากษาว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์จริง แต่ยังมีทรัพย์สินพอชำระหนี้ได้ ให้ยกฟ้อง โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ขอให้จำเลยใช้เงินกู้และดอกเบี้ย ๗๓,๕๐๐ บาท ฯลฯ
จำเลยให้การว่า เงินจำนวนนี้โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ล้มละลายมาแล้วเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๖๐,๐๐๐ บาทและดอกเบี้ย ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีล้มละลายดังกล่าวนั้นมีประเด็นข้อใหญ่อยู่ที่ว่า จำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่มีทรัพย์สินจะชำระหนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ศาลจะพิพากษาให้ล้มละลายได้หรือไม่ส่วนในคดีนี้มีประเด็นอยู่ว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จริงหรือไม่ โดยโจทก์ฟ้องขอให้ชำระหนี้เงินที่จำเลยกู้โจทก์ไป ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน การวินิจฉัยของศาลในเรื่องทั้งสองนี้จึงไม่ได้อาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฉะนั้นฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ และไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๔, ๑๔๘
พิพากษายืน

Share