แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุตรบุญธรรมย่อมเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ที่จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมเท่านั้น. ไม่เป็นบุตรบุญธรรมของคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรมด้วย. แม้ผู้รับบุตรบุญธรรมถึงแก่ความตายการเป็นบุตรบุญธรรมก็ไม่ขาด.
การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมหลังจากใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ว่าด้วยครอบครัวแล้ว.แม้สามีภริยาซึ่งแต่งงานกันมาก่อนตามกฎหมายลักษณะผัวเมียก็ไม่มีสิทธิจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมโดยไม่ได้รับความยินยอมจากคู่สมรส.
การที่บุตรบุญธรรมยื่นขอรับบำเหน็จตกทอดของผู้รับบุตรบุญธรรมซึ่งถึงแก่ความตาย ย่อมเป็นการโต้แย้งสิทธิคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม. คู่สมรสนั้นมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการรับบุตรบุญธรรมซึ่งไม่สมบูรณ์ได้. แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะมิได้บัญญัติให้ฟ้องเพิกถอนการรับบุตรบุญธรรมไว้โดยตรง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาขุนเจนจบทิศตั้งแต่ พ.ศ. 2462ขุนเจนจบทิศจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมเมื่อวันที่ 7 มกราคม2503 โดยมีนางบุญธรรม ยงใจยุธ ซึ่งจดทะเบียนสมรสกับขุนเจนจบทิศในภายหลัง เป็นผู้ให้ความยินยอม โจทก์ได้ฟ้องนางบุญธรรมในกรณีดังกล่าว การจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมไม่มีผล เพราะไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ และเป็นเล่ห์เหลี่ยมของนางบุญธรรมหวังจะให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของขุนเจนจบทิศ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้พิพากษาว่าทะเบียนรับบุตรบุญธรรมเป็นโมฆะ จำเลยต่อสู้ว่า ก่อนขุนเจนจบทิศรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมได้หย่าขาดจากโจทก์แล้ว ไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์คู่สมรสของขุนเจนจบทิศจะให้หรือมิให้ความยินยอม ก็ไม่ทำให้การจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมเป็นโมฆะ การจดทะเบียนกระทำโดยสุจริต ขอให้ยกฟ้อง คู่ความรับกันว่า 1. ขุนเจนจบทิศรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมเมื่อ 7 มกราคม 2503โดยนางบุญธรรมขณะอยู่กินเป็นภริยาสามีกับขุนเจนจบทิศโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส เป็นผู้ให้ความยินยอม โจทก์มิได้รู้เห็นด้วย 2. นางบุญธรรมจดทะเบียนสมรสกับขุนเจนจบทิศเมื่อ 3 มีนาคม 2503ขุนเจนจบทิศตายเมื่อ 3 มีนาคม 2505 ศาลฎีกาชี้ขาดแล้วว่าการสมรสระหว่างขุนเจนจบทิศกับนางบุญธรรมเป็นโมฆะ ส่วนโจทก์เป็นภริยาชอบด้วยกฎหมายของขุนเจนจบทิศ 3. เมื่อขุนเจนจบทิศตาย นางบุญธรรมในฐานะส่วนตัวได้ขอรับบำเหน็จตกทอดของขุนเจนจบทิศจากทางราชการ ส่วนจำเลยโดยนางบุญธรรมเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม ได้ยื่นคำร้องขอรับบำเหน็จตกทอดของขุนเจนจบทิศด้วยเหมือนกัน 4. โจทก์ไม่เคยบอกล้างนิติกรรมจดทะเบียนรับรองบุตรบุญธรรมรายนี้ โจทก์อ้างสำนวนคดีแพ่งแดงที่ 2376/2506 เป็นพยาน แล้วคู่ความไม่สืบพยาน ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ขุนเจนจบทิศรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย พิพากษาว่าการจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมของขุนเจนจบทิศเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1584, 113 จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ขุนเจนจบทิศรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ซึ่งเป็นภริยานั้น การมิได้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1584 ประกอบกับพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478 มาตรา 22 จึงไม่สมบูรณ์ พิพากษายืน จำเลยฎีกาหลายประการรวมทั้งเรื่องอำนาจฟ้องด้วย ศาลฎีกาเห็นสมควรยกฎีกาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นวินิจฉัยก่อนจำเลยฎีกาว่าไม่มีกฎหมายให้ฟ้องเพิกถอนการรับบุตรบุญธรรมได้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ประการหนึ่ง และการที่ขุนเจนจบทิศรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม ก็ไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องอีกประการหนึ่ง ศาลฎีกาเห็นว่า โดยนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1586 บุตรบุญธรรมย่อมเป็นบุตรบุญธรรมของผู้ที่จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมเท่านั้น ฉะนั้นในกรณีที่ขุนเจนจบทิศจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม แม้ต่อมาขุนเจนจบทิศถึงแก่กรรม ความเป็นบุตรบุญธรรมซึ่งจำเลยเคยมีมาก็ย่อมมีต่อไปตามเดิม การที่จำเลยแถลงรับว่าเมื่อขุนเจนจบทิศถึงแก่กรรมลงแล้ว จำเลย (โดยนางบุญธรรมเป็นผู้แทน) ได้ยื่นขอรับบำเหน็จตกทอดของขุนเจนจบทิศต่อทางราชการนั้น พอถือได้ว่าเป็นการดำเนินการตามเล่ห์เหลี่ยมของนางบุญธรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของขุนเจนจบทิศตามที่กล่าวในคำฟ้องการกระทำของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ในฐานะเป็นภริยาของขุนเจนจบทิศซึ่งมีสิทธิจะได้รับบำเหน็จตกทอดของขุนเจนจบทิศตามกฎหมาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยโดยอาศัยเหตุดังกล่าว แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะมิได้บัญญัติให้ฟ้องเพิกถอนการรับบุตรบุญธรรมไว้โดยตรงก็ดี ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ความสัมพันธ์ในครอบครัวระหว่างโจทก์กับขุนเจนจบทิศเป็นไปตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย ในการรับบุตรบุญธรรมจึงไม่ต้องรับความยินยอมจากโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1584 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม เพิ่งทำภายหลังที่ได้ใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 5 แล้ว โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ก็ดีพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ บรรพ 5 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2477 ก็ดี มิได้บัญญัติไว้ ณ ที่ใดเลยว่าในกรณีเช่นนี้ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากภริยาตามที่มาตรา 1584 บัญญัติไว้ดังนั้นที่ขุนเจนจบทิศจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรม จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1584 คือต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ผู้เป็นภริยาก่อน แม้จะไม่ใช่ภริยาที่อยู่กินร่วมกัน ก็ไม่เป็นเหตุให้ขุนเจนจบทิศมีสิทธิจดทะเบียนรับจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมได้โดยลำพัง พิพากษายืน.