คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถ้าในคำพิพากษามิได้มีข้อความสั่งประการใดในแรื่องนับกำหนดโทษแล้วก็ต้องนับโทษจำเลยตั้งแต่วันที่จำเลยต้องคุมขังและฉะเพาะแต่การคุมขังในคดีนั้น

ย่อยาว

จำเลยต้องหาว่าปล้นทรัพย์ คดีถึงที่สุดศาลลงโทษจำคุกจำเลย ๑๐ ปี ศาลชั้นต้นจึงออกหมายแดงแจ้งโทษจำเลยตั้งแต่วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๔๗๘ ซึ่งเป็นวันที่จำเลยต้องขังตามฟ้อง ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยถูกจับคุมขังที่เรื่อนจำจังหวัดอุตรดิตถ์เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๗๘ และจำเลยถูกฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์หาว่าปล้นทรัพย์ ๓ คดี แต่ศาลยกฟ้องทั้งหมดทุกคดี จึงขอให้ศาลแก้หมายแดงแจ้งโทษจำเลยเป็นตั้งแต่วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๗๘
ศาลฎีกาตัดสินว่าตามกฎหมายอาญา ม.๓๒ ถ้าในคำพิพากษามิได้มีข้อความสั่งประการใดในเรื่องนับกำหนดโทษแล้วก็ต้องนับโทษจำเลยแต่วันที่จำเลยต้องคุมขังในคดีเรื่องนี้น ในคดีนี้คำพิพากษามิได้สั่งอย่างไรในเรื่องนับกำหนดโทษ ฉะนั้นจำเลยต้องขังมาในคดีนี้ตั้งแต่เมื่อใดก็ต้องนับตั้งแต่วันนั้น คดีนี้โจทย์รับในอุทธรณ์ของโจทย์เองว่า โจทย์ได้รับตัวจำเลยควบคุมในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๔๗๘ จึงต้องถือว่าจำเลยถูกควบคุมในคดีมาแต่วันนั้น ซึ่งตามกฎหมายอาญา ม.๓๒ ตัองหักให้จำเลยด้วยจึงพิพากษาให้แก้หมายแจ้งโทษจำเลยนับกำหนดโทษตั้งแต่วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๔๗๘ เป็นต้นไป

Share