คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156-157/2483

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีฝิ่นเกินปริมาณดันควรมีตามบัญชี กับมีมูลฝิ่นที่เหลือจากการสูบไว้เพื่อจำหน่าย เป็นความผิดซึ่งผู้รับอนุญาต จะต้องรับโทษผู้เดี่ยว จะยกเอาการไม่รู้เห็นมาแก้ตัวให้พ้นผิดไม่ได้ แม้ทางเจ้าพนักงานผ่อนผันให้เจ้าของร้านจำหน่ายมูลฝิ่นได้ ก็ไม่ทำให้พ้นผิดตาม กฎหมายได้

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้รับอนุญาตให้จำหน่ายฝิ่น จำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการแล้วมีฝิ่นเกินบัญชีตามปริมาณที่ควรมี กับมีมูลฝิ่นไว้เพื่อจำหน่าย ฝ่ายจำเลยที่ ๑ เถียงว่า การกระทำดังกล่าวนั้นตนไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวข้องด้วย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ในกรณีดังกล่าวนั้นความผิดตกอยู่แก่ จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาต ผู้เดียว จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดชอบด้วย จึง พิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา ๔๓ ๕๗ ปรับ ๕ เท่าราคาฝิ่นเป็นเงิน ๖๒๑๕ บาท ๘๕ สตางค์
โจทก์และจำเลยที่ ๑อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์แก้ฉะเพาะการปรับในเรื่องมีมูลฝิ่นไว้จำหน่ายว่าให้ลงโทษปรับในความผิดฐานนี้ในอัตราคั่นต่ำคือ ๕๐ บาท เพราะรัฐบาลไม่ได้ขายมูลฝิ่นในที่นั้น นอกนั้นยืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกาศาลฎีกา วินิจฉัยว่าแม้จำเลยที่ ๑ มอบให้จำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการ จำเลยที่ ๑ ก็ไม่พ้นผิด เพราะกฎหมายฝิ่นเป็นกฎหมายพิเศษ ถึงหากจำเลยไม่ได้รู้ เห็นด้วยก็ไม่ทำให้พ้นผิด สำหรับเรื่องมีมูลฝิ่นจำเลยนำสืบได้ความว่าการขายคืนมูลฝิ่นนั้นเดิมรัฐบาลบังคับ แต่จะนำมาขายคืนก็ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ทางการอนุญาตให้จำเลยจำหน่ายมูลฝิ่นได้ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นผิด เพราะเจ้าพนักงานยังรับซื้อคืนและมาตรา ๙ บังคับให้นำมูลฝิ่นมาขายให้เจ้าพนักงานและมาตรา ๑๐ ห้ามมิให้ขายหรือมีไว้ใช้ซึ่งมูลฝิ่น ส่วนข้อที่จำเลยขอลดหย่อนผ่อนโทษนั้น เป็นเรื่องอยู่ในดุลยพินิจของศาลอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จำเลย ฎีกาไม่ได้จึง พิพากษายืนตาม ศาลอุทธรณ์

Share