แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อสัญญาก่อสร้างตึกแถวซึ่งจำเลยที่ 2 ทำไว้ต่อจำเลย ที่ 1เจ้าของที่ดิน ได้ถูกจำเลยที่ 1 บอกเลิกสัญญา ทั้งนี้โดยเกิดจากความผิดของจำเลยที่ 2 ซึ่งทิ้งงานไม่ไปทำการก่อสร้างให้เสร็จ สิทธิของจำเลยที่ 2 ที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพร้อมตึกแถวจำนวน 2 ห้องตามสัญญาจึงหมดสิ้นไป โจทก์ผู้จะซื้อตึกแถวและที่ดินในฐานะเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 2 จึงไม่อาจใช้ สิทธิเรียกร้องแทนจำเลยที่ 2 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของที่ดิน จำเลยที่ ๒ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญายินยอมให้จำเลยที่ ๒ สร้างตึกแถวจำนวน ๔ คูหาลงบนที่ดินของจำเลยที่ ๑ และหากจำเลยที ๒ ก่อสร้างถึงขั้นสอง โดยทำการก่อฝาผนังตึกและเทพื้นเพดานเสร็จ จำเลยที่ ๑ จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมตึกแถวหมายเลข ๑ และ ๒ ตามแบบแปลนให้แก่จำเลยที่ ๒ โจทก์ได้เข้าทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพร้อมตึกแถวหมายเลข ๒ ต่อจำเลยที่ ๒ และได้ชำระเงินให้เป็นบางส่วนแล้ว ปรากฏว่า เมื่อจำเลยที่ ๒ ได้สร้างตึกแถวถึงชั้นที่สองแล้ว จำเลยที่ ๒ เพิกถอนไม่ใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ ๑ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมตึกแถว ๒ คูหา ให้แก่ตน และจำเลยที่ ๒ ก็มิได้สร้างตึกแถวให้เสร็จภายในกำหนด ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองผิดสัญญาทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยที่ ๑ หรือจำเลยทั้งสองร่วมกันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมตึกแถวตามสัญญาที่โจทก์ทำไว้ต่อจำเลยที่ ๒ให้แก่โจทก์และรับเงินส่วนที่เหลือไปจากโจทก์ หากไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ได้ก็ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินที่โจทก์ชำระไปแล้วพร้อมทั้งค่าปรับและดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ เป็นฝ่ายผิดสัญญาโดยไม่ก่อสร้างตึกแถวให้แล้วเสร็จภายในเวลา ๙ เดือนตามสัญญา การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จและทำผิดแบบแปลน จำเลยที่ ๑ ได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ ๒ โดยชอบแล้ว จำเลยที่ ๑จึงไม่มีหน้าที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมทั้งตึกแถวให้แก่จำเลยที่ ๒ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ เพราะโจทก์กับจำเลยที่ ๑ ไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกันสัญญาระหว่างจำเลยที่ ๒ กับโจทก์ไม่ผูกพันจำเลยที่ ๑ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงินจำนวน ๑๗๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๒๓ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับชำระเงินค่าปรับจำนวน ๒๖,๓๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ สำหรับจำเลยที่ ๑ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามฟ้องให้แก่จำเลยที่ ๒ แล้วให้จำเลยที่ ๒ โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวพร้อมด้วยตึกแถวให้แก่โจทก์ และริบเงิน ๑๙๕,๐๐๐ บาทจากโจทก์ หากจำเลยคนหนึ่งคนใดไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาฯ ถ้าไม่สามารถโอนได้ด้วยประการใด ๆก็ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมทั้งดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีการับฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๒ ทำการก่อสร้างตึกแถวให้จำเลยที่ ๑เจ้าของที่ดินไม่แล้วเสร็จภายในเวลา ๙ เดือนตามสัญญา โดยจำเลยที่ ๒ ทิ้งงานไปไม่ทำการก่อสร้างให้เสร็จ แล้ววินิจฉัยว่า ตามสัญญาก่อสร้างข้อ ๗ ระบุว่าจำเลยที่ ๒ ผู้ก่อสร้าง จะต้องก่อสร้างตึกแถวดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเวลา ๙ เดือนนับแต่วันทำสัญญาคือวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๒๒ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ ได้ทิ้งงานไปไม่ทำการก่อสร้างให้เสร็จภายในเวลา ๙ เดือน จึงเป็นการปฏิบัติผิดสัญญาซึ่งจำเลยที่ ๑ มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเสียได้ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้มอบให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ ๒ แล้วโดยชอบ เมื่อมีการบอกเลิกสัญญาเสียแล้ว สิทธิของจำเลยที่ ๒ ที่เรียกร้องให้จำเลยที่ ๑ ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวก็หมดไปด้วย โจทก์จึงไม่อาจใช้สิทธิแทนจำเลยที่ ๒ ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑แล้วให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น