แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจ้างทนายความทำเรื่องราวเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามจากรัฐบาลไทย มอบให้ทนายความเป็นตัวแทน โดยทำสัญญาเป็นหนังสือจะจ่ายค่าจ้างร้อยละ 10 ของจำนวนค่าทำขวัญที่จำเลยได้รับจริง สัญญานี้ไม่เป็นโมฆะ เพราะสัญญานี้มิใช่เป็นการจ้างทนายความให้ว่าต่างแก้ต่างคดีในโรงศาล หากแต่เป็นเรื่องจ้างให้ทำกิจการนอกโรงศาล มิใช่เป็นการรับจ้างโดยหน้าที่ทนายความ อาจตกลงว่าจ้างกันได้ตามความประสงค์ ไม่มีกฎหมายห้าม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนาย เอ.ดุ๊ก ก่อนนาย เอ.ดุ๊กตาย จำเลยได้จ้างนาย เอ.ดุ๊กทำเรื่องราวและหลักฐานเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามจากรัฐบาลค่าจ้างร้อยละ 10 ของจำนวนค่าทำขวัญที่จำเลยได้รับจริง ต่อมาจำเลยได้รับค่าทำขวัญแล้ว จำเลยไม่จ่ายค่าจ้างดังกล่าวขอให้บังคับให้จำเลยจ่ายค่าจ้าง
เฉพาะในข้อกฎหมาย จำเลยต่อสู้ว่าสัญญาเป็นโมฆะ เพราะนาย เอ.ดุ๊กทำในฐานะทนายความเรียกร้องเอาส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซนต์ถึงร้อยละ 10 สูงเกินส่วน
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง ให้จำเลยใช้เงิน298 ปอนด์ 16 ชิลลิงก์ 6 เพนนี คิดเป็นเงินไทยในอัตราแลกเปลี่ยนในวันฟ้องเป็นเงิน 17,182 บาท 44 สตางค์ และดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี แต่วันค้างชำระจนกว่าจะชำระเสร็จ
ข้อกฎหมายที่จำเลยต่อสู้ว่าสัญญารายนี้เป็นโมฆะโดยทนายความเรียกค่าจ้างเป็นเปอร์เซนต์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญารายนี้มิใช่เป็นการจ้างทนายความให้ว่าต่างแก้ต่างคดีในโรงศาล หากแต่เป็นเรื่องจ้างให้ทำกิจการนอกโรงศาล มิใช่เป็นการรับจ้างในหน้าที่ทนายความ อาจตกลงว่าจ้างกันได้ตามความประสงค์ ไม่มีกฎหมายห้ามสัญญานี้ไม่เป็นโมฆะ