แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 3 จ้างให้จำเลยที่ 2 พาไปหารถมาบรรทุกไม้ จำเลยที่ 2 พาจำเลยที่ 3 ไปติดต่อกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกไปจอดรออยู่ที่หลังสถานีรถไฟ จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ 3 นั่งซ้อนท้ายไปจอดอยู่ใกล้กับรถบรรทุก ขณะนั้นมีไม้กระดานของผู้เสียหายซึ่งได้ฝากเก็บไว้ใต้ถุนบ้านพักคนงานรถไฟถูกลักจากที่เก็บมากองไว้บริเวณนั้นจำนวนหนึ่งแล้ว จำเลยที่ 3 บอกว่าจะเข้าไปขนไม้มาอีก จำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็รู้อยู่แล้วว่า จำเลยที่ 3 กำลังเข้าไปลักไม้ที่เหลือออกมาอีก จำเลยที่ 2 จึงไปรออยู่ที่ชานชาลาสถานีรถไฟ ส่วนจำเลยที่ 1 อยู่ที่รถบรรทุก เมื่อได้ไม้ตามจำนวนที่ต้องการแล้วจะได้ขนไม้ทั้งหมดขึ้นบรรทุกรถพาหนีไป แต่ตำรวจมาตรวจพบและจับกุมเสียก่อน การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ดังนี้ ถือได้ว่าได้ส่งเสริมอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กระทำการลักทรัพย์ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 3
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ได้มีคนร้ายลักไม้กระดาน ๑๘ แผ่น ราคา ๕๐๐ บาทของนายสดาห์นัด ซึ่งเก็บไว้ใต้ถุนบ้านพักคนงานรถไฟไปโดยทุจริต เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม้ ๑๘ แผ่นที่ถูกลักไปเป็นของกลาง ทั้งนี้โดยจำเลยได้ร่วมกันลักไม้ดังกล่าวไป หรือมิฉะนั้นจำเลยได้รับไม้ดังกล่าวไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕,๓๕๗,๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๑๓
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) ลงโทษจำคุก ๑ ปี จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑) , ๘๖ ลงโทษจำคุกคนละ ๘ เดือน
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๓ ได้ติดต่อกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๑ ให้นำรถไปบรรทุกไม้ที่บ้านพักคนงานรถไฟ จำเลยที่ ๓ เป็นคนงานรถไฟ และไม้ของผู้เสียหายก็ได้ฝากเก็บไว้ที่ใต้ถุนบ้านพักคนงานรถไฟ และจำเลยที่ ๓ ก็รู้อยู่แล้วว่าไม้ดังกล่าวเป็นของผู้เสียหาย พฤติการณ์เช่นนี้ส่อแสดงให้เห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ ๓ เป็นตัวการในการลักไม้ของผู้เสียหาย
สำหรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ ๓ จ้างให้จำเลยที่ ๒ พาไปหารถมาบรรทุกไม้ จำเลยที่ ๒ พาจำเลยที่ ๓ ไปติดต่อกับจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ขับรถบรรทุกไปจอดรถอยู่ที่หลังสถานีรถไฟ จำเลยที่ ๒ ขับรถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ ๓ นั่งซ้อนท้ายไปจอดอยู่ใกล้กับรถบรรทุก ขณะนั้นมีไม้กระดานของผู้เสียหาย ซึ่งได้ฝากเก็บไว้ใต้ถุนบ้านพักคนงานรถไฟถูกลัดจากที่เก็บมากองไว้บริเวณนั้นจำนวนหนึ่งแล้ว จำเลยที่ ๓ บอกว่าจะเข้าไปขนไม้มาอีก จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ก็รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ ๓ กำลังเข้าไปลักไม้ที่เหลือออกมาอีก จำเลยที่ ๒ จึงไปรออยู่ที่ชานชาลาสถานีรถไฟ ส่วนจำเลยที่ ๑ อยู่ที่รถบรรทุก
วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้รู้เรื่องถึงการที่จำเลยที่ ๓ ทำการลักไม้ โดยจำเลยที่ ๑ มีเจตนาทุจริตในการที่จะมาช่วยเหลือขนไม้ที่จำเลยที่ ๓ ทำการลักไป และในระหว่างที่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ รอที่จะเอาไม้ที่จำเลยที่ ๓ ทำการลักไปนั้น เจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบการกระทำผิดของจำเลยดังกล่าวเสียก่อน และพบไม้ของกลางกองอยู่ยังมิได้ทันขนเอาไป และในระหว่างจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ รอจะบรรทุกไม้นั้นก็ได้ความว่าจำเลยที่ ๓ จะเข้าไปขนไม้ออกมาอีก อันเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ นำรถยนต์ไปรอบรรทุกไม้อยู่ในขณะที่จำเลยที่ ๓ ลักไม้ออกมาได้บางส่วนแล้ว และกำลังเข้าไปลักไม้ส่วนที่เหลือออกมาอีก เมื่อได้ไม้ตามจำนวนที่ต้องการลักแล้วจะได้ขนไม้ทั้งหมดขึ้นบรรทุกรถยนต์พาหนีไป การกระทำของจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ดังนี้ ถือได้ว่าได้ส่งเสริมอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ ๓ กระทำการลักไม้กระดานของผู้เสียหาย จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ ๓
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.