คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี มีหน้าที่เบิกเงินงบประมาณตามคำสั่งโรงพยาบาลบันนังสตา จำเลยปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าพนักงานการเงินและบัญชีมานานถึง 14 ปี ย่อมทราบระเบียบเกี่ยวกับการรักษาเงินเป็นอย่างดี จำเลยเก็บเงินงบประมาณแผ่นดินที่โรงพยาบาลเบิกมาเพื่อจ่ายค่าเวชภัณฑ์ที่สั่งซื้อ จำเลยควรนำเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลและต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลัง แต่จำเลยกลับลงหลักฐานทางบัญชีเป็นเท็จว่าได้ชำระเงินทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้จ่าย และนำเงินนั้นมาเก็บไว้และเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตน นับแต่วันที่รับเงินมาจนกระทั่งเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินตรวจพบเป็นเวลาถึง 6 เดือน พฤติการณ์ของจำเลยฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยมีเจตนาเบียดบังเอาเงินดังกล่าวไปเป็นของตนโดยทุจริต จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกตาม ป.อ. มาตรา 147

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗, ๑๕๑, ๑๕๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ จำคุก ๕ ปี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๙ พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ ปี ๔ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๙ อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติโดยคู่ความไม่ฎีกาโต้แย้งว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ๔ โรงพยาบาลบันนังสตา จังหวัดยะลา มีหน้าที่เบิกเงินงบประมาณตามคำสั่งโรงพยาบาลบันนังสตา เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๓๖ โรงพยาบาลบันนังสตาสั่งซื้อเวชภัณฑ์จากบริษัทฟาร์เมทแอนด์ซายน์ จำกัด เป็นเงิน ๑๙,๐๐๐ บาท ได้ส่งมอบและตรวจรับถูกต้องแล้ว โรงพยาบาลบันนังสตาได้ขออนุมัติจ่ายเงินต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลาได้อนุมัติและเบิกเงินจากสำนักงานคลังจังหวัดยะลา โรงพยาบาลบันนังสตาโดยนายแพทย์สุริยะ สุพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ได้มอบฉันทะให้จำเลยเป็นผู้รับเงิน สำนักงานคลังจังหวัดยะลา จ่ายเงินให้โดยสั่งจ่ายเป็นเช็คจำนวนเงิน ๑๘,๘๒๒.๔๓ บาท ส่วนที่เหลือหักไว้เป็นค่าภาษี จำเลยได้ลงรายการรับเช็คไว้ในสมุดรับเช็คแล้วนำเช็คไปเรียกเก็บเงินและลงบัญชีรับเงินไว้ในสมุดเงินสดเอกสารหมาย จ.๗ เงินจำนวน ๑๘,๘๒๒.๔๓ บาท จำเลยเก็บไว้เอง ต่อมาจำเลยได้ชำระเงินค่าเวชภัณฑ์ให้แก่บริษัทฟาร์เมทแอนด์ซายน์ จำกัด แล้วตามเอกสารหมาย ป.จ.๑
มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกหรือไม่นั้น จำเลยได้รับเช็คจากสำนักงานคลังจังหวัดยะลาและนำไปเรียกเก็บเงินมาเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๖ จำเลยจ่ายเงินให้แก่บริษัท ฟาร์เมทแอนด์ซายน์ จำกัด เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๓๗ ตามเอกสารหมาย ป.จ.๑ ก่อนจะจ่ายเงินให้แก่บริษัท จำเลย รับว่าจำเลยเก็บเงินไว้กับตัวจำเลย ส่วนว่าจะต้องชำระเงินให้แก่บริษัทและส่งหลักฐานการรับเงินคืนให้สำนักงาน สาธารณสุขจังหวัดยะลาภายในระยะเวลาเท่าใด พยานโจทก์เบิกความถึงกำหนดเวลาที่ต้องปฏิบัติในเรื่องดังกล่าว แตกต่างกัน ทั้งโจทก์ก็มิได้ส่งระเบียบกระทรวงการคลังเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นพยาน จึงไม่ทราบว่ากระทรวงการคลังได้กำหนดระเบียบว่าด้วยการชำระเงินและการส่งหลักฐานคืนจะต้องกระทำภายในกำหนดเวลาเท่าใด เมื่อข้อเท็จจริง ฟังได้ว่าจำเลยได้ทำบันทึกในสมุดรับเช็คว่าได้จ่ายเงินให้แก่บริษัทไปแล้วเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๓๖ และจำเลยเพิ่ง จ่ายเงินให้แก่บริษัทเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๓๗ และตามรายงานการตรวจสอบสืบสวนจำเลยได้ให้ปากคำต่อผู้ตรวจว่าส่งเงินให้แก่บริษัทล่าช้าเนื่องจากจำไม่ได้ว่านำไปใช้อะไรบ้าง จำเลยรับว่าเก็บเงินไว้กับตัวจำเลย เงินดังกล่าวเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินที่โรงพยาบาลบันนังสตาเบิกมาเพื่อจ่ายค่าเวชภัณฑ์ที่ได้สั่งซื้อ เมื่อยังไม่ได้จ่ายจำเลยควรนำเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลบันนังสตาและต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลัง จำเลยปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าพนักงานการเงินและบัญชีนานถึง ๑๔ ปี ย่อมทราบระเบียบเกี่ยวกับการรักษาเงินเป็นอย่างดีแต่กลับลงหลักฐานทางบัญชีเป็นเท็จว่าได้ชำระเงินให้แก่บริษัทแล้วทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้จ่ายนำเงินนั้นมาเก็บไว้และเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตน นับแต่วันที่รับเงินมาจนกระทั่งเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ ๑๒ ตรวจพบเป็นเวลาถึง ๖ เดือน พฤติการณ์ของจำเลยฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยมีเจตนาเบียดบังเอาเงินดังกล่าวไปเป็นของตนโดยทุจริต จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗
พิพากษายืน

Share