คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 วรรคสองที่ใช้บังคับในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้อง บัญญัติไว้ว่า ถ้าศาลเห็นว่า ฯลฯ (2) คู่ความที่ขอแก้ไขคำฟ้อง หรือคำให้การ อาจยื่นคำร้องได้ก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานแล้วแต่กรณีและคดีไม่เกี่ยวกับความงบเรียบร้อยของประชาชนให้ศาลมีคำสั่งยกคำร้องนั้นเสีย บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องไว้2 ประการ คือ ประการแรก กรณีที่อาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องได้ก่อนวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยาน และคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน หากยื่นคำร้องหลังวันดังกล่าวให้ศาลมีคำสั่งยกคำร้องแต่ถ้าเป็นคดีเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็อาจยื่นคำร้องหลังวันดังกล่าวได้ประการที่สอง กรณีที่ไม่อาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องได้ก่อนวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยาน ย่อมจะยื่นคำร้องหลังวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยานได้ไม่ว่าจะเป็นคดีที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่ มาใช้แก่คดีนี้ได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะวินิจฉัยในชั้นพิจารณากำหนดค่าทดแทนให้แก่โจทก์ในชั้นนี้เป็นเรื่องการพิจารณาว่าการยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 หรือไม่ จึงไม่ต้องนำบทบัญญัติดังกล่าวมาพิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดิน5 แปลง เนื้อที่รวม 71 ไร่ 1 งาน 58 ตารางวา ราคา10,709,250 บาท โจทก์ที่ 1 ให้โจทก์ที่ 2 ครอบครองใช้ประโยชน์บนที่ดินดังกล่าวทั้งหมด โดยโจทก์ที่ 2 ตั้งโรงงานผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังตั้งแต่ปี 2505 เมื่อปี 2509 ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่อำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรีและอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ซึ่งครอบคลุมที่ดินโจทก์ที่ 1 ด้วย ต่อมาปี 2514 ได้มีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจำเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าพนักงานเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ได้กำหนดราคาเด็ดขาดเพื่อจ่ายค่าทดแทนสำหรับค่าที่ดิน ค่าอาคารค่ารื้อถอนให้โจทก์เป็นเงิน 3,085,125 บาท การกำหนดราคาดังกล่าวไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันรับผิดกำหนดและจ่ายเงินทดแทนให้แก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 10,809,250บาท ให้แก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 148,200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า จำเลยทั้งสี่ได้กำหนดค่าทดแทนให้แก่โจทก์ทั้งสองโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
เมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานกำหนดประเด็นข้อพิพาทแล้วโจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องว่า ได้มีประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติฉบับที่ 44 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ โดยให้กำหนดค่าทดแทนเพิ่มขึ้นตามราคาที่ดินที่สูงขึ้นในปัจจุบันโจทก์ที่ 1 จึงขอแก้ไขคำฟ้องเพิ่มเติมทุนทรัพย์จากข้อความเดิมว่า ที่ดินของโจทก์ที่ 1 มีราคาไม่ต่ำกว่า 10,709,250 บาทเป็นไม่ต่ำกว่า 107,092,500 บาท รวมค่าที่ดินและต้นไม้เป็นเงิน107,192,500 บาท ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันรับผิดกำหนดและจ่ายเงินทดแทนแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 107,192,500 บาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์แก้ไขคำฟ้องโดยเพิ่มจำนวนทุนทรัพย์มาก ประกอบกับมิได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องก่อนกำหนดวันชี้สองสถานและคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงมีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า อนุญาตให้โจทก์ที่ 1แก้ไขคำฟ้อง
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 วรรคสอง ที่ใช้บังคับในขณะที่โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้อง บัญญัติไว้ว่า ถ้าศาลเห็นว่า ฯลฯ (2) คู่ความที่ขอแก้ไขคำฟ้องหรือคำให้การ อาจยื่นคำร้องได้ก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานแล้วแต่กรณี และคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนให้ศาลมีคำสั่งยกคำร้องนั้นเสีย จะเห็นได้ว่าบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องไว้ 2 ประการคือ ประการแรก กรณีที่อาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องได้ก่อนวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยาน และคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหากยื่นคำร้องหลังวันดังกล่าวให้ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง แต่ถ้าเป็นคดีเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนก็อาจยื่นคำร้องหลังวันดังกล่าวได้ ประการที่สองกรณีที่ไม่อาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องได้ก่อนวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยาน ย่อมจะยื่นคำร้องหลังวันชี้สองสถานหรือวันสืบพยานได้ ไม่ว่าจะเป็นคดีที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่ สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2532 แต่ประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 44 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2534 โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา โจทก์ที่ 1 จึงไม่อาจยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องก่อนวันชี้สองสถานได้ ดังนั้น การที่โจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องเมื่อวันที่ 19กรกฎาคม 2534 อันเป็นวันหลังที่ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานโจทก์ที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะกระทำได้ โดยไม่ต้องพิจารณาคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องดังกล่าวว่าเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่
ส่วนที่จำเลยทั้งสี่ฎีกาว่า ประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 44 เป็นเรื่องการพิจารณาค่าเวนคืนโดยฝ่ายบริหาร ซึ่งคดีนี้ได้ผ่านขั้นตอนดังกล่าวมาแล้ว จึงนำประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติฉบับดังกล่าวมาใช้แก่คดีนี้ไม่ได้นั้น เห็นว่า การที่จะนำประกาศคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 44 มาใช้แก่คดีนี้ได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะวินิจฉัยในชั้นพิจารณากำหนดค่าทดแทนให้แก่โจทก์ที่ 1 แต่ในชั้นนี้เป็นเรื่องการพิจารณาว่าการยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องของโจทก์ที่ 1 ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 หรือไม่เท่านั้นหาจำเป็นต้องก้าวล่วงไปพิจารณาถึงเรื่องที่จำเลยทั้งสี่อ้างดังกล่าวไม่ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสี่ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
พิพากษายืน

Share