คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อพฤติการณ์เป็นว่าจำเลยใช้อุบายไปขอซื้อโคจากผู้เสียหายโดยขอให้ผู้เสียหายนำโคไปส่งที่บ้านจำเลย.แล้วจำเลยจะชำระราคาให้. ครั้นเมื่อผู้เสียหายปฏิบัติตามนั้นแล้ว. จำเลยกลับบ่ายเบี่ยงว่ายังเบิกเงินที่ธนาคารไม่ได้. ให้กลับไปรับเงินใหม่ในวันรุ่งขึ้นและในคืนนั้นเองจำเลยก็พาโคหนีไป. ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยจะซื้อโคจริงมาแต่ต้น. ด้วยการวางแผนเป็นขั้นๆ และไม่มีเจตนาจะใช้ราคาโคเลย. การกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ด้วยเจตนาทุจริตจำเลยได้ใช้อุบายหลอกลวงนายบุญไชยราผู้เสียหาย โดยเอาความเท็จมากล่าวว่า จำเลยตกลงซื้อโค12 ตัว รวมราคา 11,100 บาท ให้ผู้เสียหายนำโคไปมอบให้ที่บ้านจำเลยแล้วจำเลยจะชำระเงินให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงทำตามข้อตกลงแล้วจำเลยบิดพลิ้วโกงเอาโคเหล่านั้นเสียไม่ชำระราคา ทั้งนี้โดยมิได้มีเจตนาจะชำระราคามาตั้งแต่ต้นหรือมิฉะนั้นจำเลยก็เบียดบังเอาโคซึ่งได้เข้ามาอยู่ในครอบครองของจำเลยไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวหรือผู้อื่นเสีย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341,352 กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ จำเลยให้การว่าได้ซื้อโค 12 ตัวไปจริง แต่ซื้อในราคา 9,100 บาทเท่านั้นและได้ชำระราคาให้ผู้เสียหายแล้ว ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า กรณีเป็นการใช้อุบายหลอกลวงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 11,100 บาทแก่เจ้าทรัพย์ จำเลยอุทธรณ์ ทั้งในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ความว่าได้ชำระราคาโคแล้วและถึงแม้ไม่ได้ชำระก็ไม่เป็นความผิดทางอาญาขอให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า กรณีเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งจะถือว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงผู้เสียหายมาแต่ต้นหาได้ไม่จำเลยยังไม่มีความผิดทางอาญา พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่า ตามพฤติการณ์ถือได้แล้วว่าเป็นการฉ้อโกง หรือมิฉะนั้นก็ยักยอก ไม่ใช่เพียงเป็นการผิดสัญญาซื้อขายไม่ชำระราคา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พฤติการณ์ที่จำเลยไปขอซื้อโคจากผู้เสียหายโดยขอให้ผู้เสียหายนำโคไปส่งที่บ้านจำเลยแล้วจำเลยจะชำระราคาให้ ครั้นผู้เสียหายได้ปฏิบัติตามนั้น จำเลยกลับบ่ายเบี่ยงว่ายังเบิกเงินที่ธนาคารไม่ได้ นัดให้ผู้เสียหายไปรับเงินใหม่ในวันรุ่งขึ้น และในคืนนั้นเองจำเลยก็พาโคเหล่านั้นหนีไปเสียดังนี้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยจะซื้อโคของผู้เสียหายจริงมาแต่ต้น ด้วยการวางแผนกระทำการเป็นขั้น ๆ โดยจำเลยไม่มีเจตนาจะใช้ราคาโคให้ผู้เสียหายเลยมาแต่แรกและผลแห่งการหลอกลวงนี้ก็คือจำเลยได้โคทั้ง 12 ตัวไปจากผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share