คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำฟ้องไม่ปรากฏว่า เหตุใดทางพิพาทจึงเป็นทางสาธารณะและสภาพของทางตามที่ได้ความในทางพิจารณาก็ไม่พอให้ฟังว่าเป็นทางที่มีขึ้น ทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมายโจทก์ก็จะขอให้บังคับให้เจ้าของที่ดินที่ทางพิพาทผ่านไปนั้นเปิดทางให้ใช้เป็นทางสาธารณะต่อไปหาได้ไม่
การที่มีพยานเบิกความว่า คนในตำบลหนึ่งกับอีกตำบลหนึ่งจะไปมาก็ต้องผ่านทางพิพาท การที่ต้องผ่านทางนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้นทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย
ที่ดินซึ่งทางพิพาทผ่านเข้าไปนั้นเจ้าของไม่ได้กั้นไม่มีคันเขตรั้ว บุคคลก็อาจพาปศุสัตว์ผ่านหรือเข้าไปได้อยู่แล้ว หรือแม้จะมีคันเขตรั้ว การผ่านหรือเข้าไปเช่นนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้น ทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย
ตามคำฟ้องแสดงว่าโจทก์ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางสาธารณะเมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ ศาลก็บังคับจำเลยให้เปิดทางพิพาทเป็นทางสาธารณะไม่ได้ ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทมา15 ปีแล้ว โดยไม่มีใครห้ามจำเลยจริงดังที่กล่าวอ้างหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า บ้านโจทก์อยู่ทางทิศใต้ของบ้านจำเลย นาโจทก์อยู่ทางทิศเหนือของบ้านจำเลย โจทก์ใช้ทางสาธารณะจากบ้านโจทก์ผ่านบ้านจำเลยไปทำนาและนำสัตว์พาหนะไปมาตลอดมา 15 ปีเศษ ไม่มีใครห้ามปราม เมื่อ 2 ปีมานี้ จำเลยที่ 1 เอายางไปปลูกในทางสาธารณะ โดยยอมให้โจทก์เดินและนำสัตว์ไปมาในการทำนาเดินเข้าไปในบ้านจำเลยที่ 1 แล้ว วกเข้าหาทางสาธารณะตามเดิม ครั้นเดือนนี้จำเลยที่ 1 ไม่ยอมให้โจทก์ใช้ทางเข้าไปในบ้านจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2, 3 ก็ไม่ยอมให้โจทก์ใช้ทางไปมาในทางสาธารณะเช่นกัน ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสามเปิดทางสาธารณะให้ใช้ต่อไปตามปกติ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยให้การต่อสู้คดี

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์นำชี้ในการทำแผนที่พิพาทว่า เส้นแดงเป็นทางสาธารณะ เป็นทางพิพาทซึ่งจำเลยเถียงว่าไม่ใช่ทางสาธารณะไม่เคยอนุญาตให้โจทก์เดิน เห็นว่าตามคำฟ้องไม่ปรากฏว่าเหตุใดทางพิพาทจึงเป็นทางสาธารณะไม่ปรากฏว่าเป็นทางของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเวนคืนหรือยกให้แผ่นดินหรือรัฐบาลทำเป็นทางสาธารณประโยชน์ ไม่ปรากฏว่าเป็นทางซึ่งมีขึ้น ทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมายสภาพทางแถวนานางไกรแก้วไม่มีร่องรอยเป็นทางเดินโดยเฉพาะ ตอนที่ติดกับบ้านจำเลยที่ 2 ก็รก แต่ยังมีรอยว่าเป็นทางที่คนใช้เดินมาก่อน บ้านจำเลยที่ 1 ที่ 2 และนางไกรแก้วปลูกภายในสวนยาง ไม่มีคันเขตรั้ว โจทก์นำสืบแต่ว่าโจทก์ใช้ทางพิพาทเฉพาะฤดูทำนาและเก็บเกี่ยว ทางพิพาทหญ้าขึ้นรก ตอนเข้าเขตบ้านจำเลยทั้งสามหญ้าขึ้นรก ไม่เห็นรอยทางแล้ว แม้โจทก์จะมีพยานว่า คนตำบลเขาดินกับตำบลโคกบางจะไปมาก็ต้องผ่านทางนี้ก็ดี การที่ต้องผ่านทางนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้นทำขึ้นเพื่อประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมาย และเมื่อที่ดินจำเลยกับนางไกรแก้วไม่ได้กั้น ไม่มีคันเขตรั้ว บุคคลก็อาจพาปศุสัตว์ผ่านหรือเข้าไปได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1353 อยู่แล้ว หรือแม้จะมีคันเขตรั้ว การผ่านเข้าไปเช่นนี้ก็ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางที่มีขึ้น ทำขึ้นสำหรับประชาชนใช้ในการจราจรตามกฎหมายเช่นกัน

ที่โจทก์ฎีกาว่า ถ้าศาลว่าไม่ใช่ทางสาธารณะก็ต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์ได้ใช้ทางพิพาทมา 15 ปีแล้วโดยไม่มีใครห้ามนั้นเห็นว่า ตามคำบรรยายฟ้องประกอบกับคำขอท้ายฟ้อง แสดงว่าโจทก์ขอให้จำเลยทั้งสามเปิดทางสาธารณะเมื่อฟังไม่ได้ว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ ไม่ว่าโจทก์จะได้ใช้มา 15 ปีแล้วโดยไม่มีใครห้ามจริงหรือไม่ก็ไม่เป็นทางสาธารณะขึ้นมาได้ และศาลก็จะบังคับให้จำเลยเปิดทางพิพาทเป็นทางสาธารณะไม่ได้ จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยต่อไปตามฎีกาข้อนี้

พิพากษายืน

Share