แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยข้อกฎหมายแต่มิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังนี้ โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ไม่ต้องห้าม ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุที่โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีได้ โจทก์กลับฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงขึ้นมา ศาลต้องยกฎีกาเช่นนี้เสีย
ย่อยาว
เรื่องนี้โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่าแจ้งความเท็จและปลอมหนังสือ เมื่อศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องและสั่งรัยฟ้องบางข้อของโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว อัยยการได้ร้องขอเข้อร่วมเป็นโจทก์ด้วยซึ่งศาลขั้นต้นฟังขอ้เท็จจริงต่อไปว่าเรื่องนี้นางเล็ก นางปุ่นโจทก์ไม่มีสิทธิจะเข้ามาเป็นโจทก์ได้ เพราะบุคคลทั้ง ๒ นี้อาศัยสิทธิของนายนุ่นฟ้องคดี แต่นายนุ่นผู้นี้ได้สาบสูญไปนานแล้ว แต่ยังไม่มีผู้ใดร้องขอให้ศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ จึงต้องถือว่านายนุ่นยังมีชีวิตร์อยู่ ในที่สุดศาลพิพากษาลงโทษ นายหอม นางแถมจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๒๕
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าในเรื่องนี้นายนุ่นผู้เดียวเป็นผู้เสียหาย และเมื่อข้อหาฉะเพาะข้อที่นายอุ่น นายอี๊ดเป็นโจทก์โดยตรงถูกศาลชั้นต้นไม่รับเสียแล้ว เพราะขาดอายุความดังนี้ นายอุ่น นายอี๊ดจึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยได้ จึงไม่วินิจฉัยประเด็นอื่น ๆ ต่อไป เพราะอัยยการมิได้อุทธรณ์ขึ้นมา และให้ยกอุทธรณ์ของนายหอมจำเลยที่ถูกลงโทษเสียด้วย
นายอุ่น นายอี๊ดฎีกาในข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์โดยเห็นว่าแม้ฎีกาโจทก์จะพรรณาแต่ข้อเท็จจริงไม่กล่าวถึงข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์อ้างอิงให้ยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงจึงควรรับฎีกาส่งขึ้นมา
ศาลฎีกาตัดสินว่าฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้ามที่ศาลชั้นต้นสั่งรับขึ้นมาชอบแล้ว แต่สิทธิในการฟ้องร้องนั้นเป็นเบื้องต้นที่ศาลจะต้องวินิจฉัยเสียก่อนต่อเมื่อโจทก์ฟ้องได้แล้วจึงควรวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไป สำหรับฎีกาของโจทก์นี้ เห็นว่ามิได้ยกชึ้นคัดค้านข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เลย และเมื่อมิใช่เป็นข้อที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแล้วฎีกาของโจทก์ จึงยังไม่มีส่วนที่ต้องวินิจฉัยถึง จึงให้ยกเสีย