คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554-1555/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สำเนาเอกสารสัญญาเช่าเฉพาะที่โจทก์ส่งให้จำเลยนั้นกล่าวชื่อบริษัทเช็คโกสโลวาเกียนสยามจำกัดผิดไปเป็นชื่อสินสยาม จำกัด ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องไว้อีกสำนวนหนึ่ง และศาลได้เห็นเหตุแล้วว่าเป็นแต่เพียงผิดพลาดในการสอดแนบเอกสาร จึงไม่ใช่เป็นการฟ้องผิดตัว
ต้องระบุพยานก่อนวันนัดสืบพยาน 3 วันนั้น ย่อมหมายถึงวันสืบพยานจริง ๆ ถึงวันนัดแม้ยังมิได้ระบุพยานไว้ แต่เมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนไปได้
แม้ผู้ให้เช่าจะได้ให้คำมั่นว่าครบสัญญาแล้วจะให้เช่าต่ออีก 3 ปี เมื่อปรากฎว่าครบสัญญาแล้วจำเลยผู้เช่าได้เช่าต่ออีก 3 ปีแล้ว ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก 3 ปี.
(อ้างฎีกาที่ 1061/2491)

ย่อยาว

คดี ๒ สำนวนนี้พิจารณารวมกัน โจทก์ฟ้องมีใจความต้องกันว่า โจทก์ได้เช่าตึก ๓ ชั้นเลขที่ ๑๑๙๑ ถนนเจริญกรุง พระนคร มาจากนายสละและนายประสิทธิ์ แล้วโจทก์ได้ให้จำเลยเช่าช่วงเฉพาะชั้นล่างและชั้นกลางดังปรากฎตามสำเนาท้ายฟ้อง จำเลยผิดสัญญาเปลี่ยนแปลงสภาพตึกโดยไม่ได้รับอนุญาต เอาตึกที่เช่าชั้นล่างไปให้บริษัทวิลลิส เอช เปิด จำกัด เช่าช่วงโดยไม่ได้รับอนุญาต สัญญาเช่าช่วงได้สิ้นกำหนดตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๔๙๗ โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยไม่ส่งมอบ จึงขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
ในสำนวนแรกจำเลยต่อสู้ว่าไม่เป็นความจริง สัญญาเช่าช่วงท้ายฟ้องไม่มีชื่อจำเลยเช่าช่วงตึกพิพาทจำเลยไม่ได้ทำสัญญากับโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ก่อนชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้สัญญาเช่าช่วงเฉพาะฉบับที่ส่งให้จำเลย ซึ่งมีข้อความระบุว่า บริษัทสินสยามเป็นผู้เช่าช่วงเป็นบริษัทเช็คโกสโลวาเกียนสยามจำกัด ผู้เช่าช่วง โดยอ้างว่าผิดพลาดไป ศาลอนุญาตให้โจทก์แก้ได้ เพราะเห็นว่าผิดพลาดเฉพาะสำเนาเอกสารฉบับที่ส่งให้จำเลย และให้จำเลยยื่นคำให้การแก้ฟ้องใหม่ได้ จำเลยจึงยื่นคำให้การว่าจำเลยไม่ได้เช่าช่วงจากโจทก์ นางมาติดา เตลานไปทำหนังสือเช่าช่วงอย่างไรกับโจทก์ จำเลยไม่รับรู้เพราะมิได้ประทับตราบริษัทจำเลยในสัญญาเช่าช่วง จำเลยไม่ต้องรับผิด โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่ได้ประพฤติผิดสัญญาตามฟ้อง จำเลยไม่ได้รับบอกเลิกการเช่าจากโจทก์
สำหรับสำนวนหลัง จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ผิดสัญญาตามฟ้อง ตามสำเนาสัญญาเช่าช่วงหมายเลข ๒ ท้ายฟ้องครบกำหนดการเช่าระยะ ๓ ปี เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๔๙๗ จริง แต่ตามสัญญาข้อ ๗ โจทก์ให้คำมั่นว่าโจทก์จะต่อสัญญาให้อีก ๓ ปี จึงยังไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย ขอให้บังคับโจทก์ต่อสัญญาเช่าให้จำเลยอีก ๓ ปี
ศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาขับไล่จำเลยทั้ง ๒ กับบริวารออกจากสถานที่เช่าที่โจทก์ฟ้อง และให้ยกฟ้องแย้งจำเลยในคดีดำที่ ๔๙๘/๒๔๙๗
จำเลยทั้ง ๒ อุทธรณ์ทั้งในปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง โดยศาลชั้นต้นรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยฎีกาได้แต่เฉพาะในข้อกฎหมาย
๑. ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องผิดตัว ศาลไม่ควรอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องนั้น เห็นว่าเป็นแต่สำเนาเอกสารสัญญาเช่าเฉพาะที่โจทก์ส่งให้จำเลยนั้นกล่าวชื่อบริษัทเช็คโกสโลวาเกียนสยาม จำกัดผิดไปเป็นชื่อบริษัทสินสยาม จำกัด ซึ่งโจทก์ได้ฟ้องไว้อีกสำนวนหนึ่ง และศาลได้เห็นเหตุแล้วว่าเป็นแต่เพียงการผิดพลาดในการสอดแนบเอกสาร ไม่ใช้เป็นการฟ้องผิดตัวดังที่จำเลยกล่าวอ้าง
๒. ต้องระบุพยานก่อนวันสืบพยาน ๓ วัน วันสืบพยานตามความในมาตรา ๘๘ แห่ง ป.วิ.แพ่งนั้นย่อมหมายความถึงวันสืบพยานจริง ๆ ถึงวันนัดสืบพยาน โจทก์ยังไม่ได้ระบุพยานก่อน ๓ วัน แต่เมื่อวันนั้นมีเหตุสมควรต้องเลื่อนคดีไป ศาลก็อนุญาตให้เลื่อนได้ ดังได้มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้แล้ว เช่น ฎีกาที่ ๑๐๖๑/๒๔๙๑ ระหว่างห้างเอม ที เอส มารีกันฯ โจทก์คณะกรรมการกักคุมตัวและควบคุมจัดกิจการหรือทรัพย์สินของบุคคลที่เป็นศัตรูต่อสหประชาชาติ จำเลย
๓. ที่โจทก์ให้คำมั่นในสัญญาเช่าว่า เมื่อครบกำหนดเช่าแล้วจะให้เช่าต่อไปอีก ๓ ปีนั้น เมื่อปรากฎว่าเมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่า จำเลยก็ได้เช่าต่อมาจนครบอีก ๓ ปี ดังนี้จึงไม่มีอะไรที่จำเลยจะอ้างได้แล้วจำเลยจะต้องได้เช่าต่อไปอีก ๓ ปีตามคำฟ้องแย้งของจำเลย ฯลฯ ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย.

Share