คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขอยืมเงินโจทก์ โจทก์ไม่มีจำเลยจึงขอให้ไปยืมคนอื่นมาให้ ผู้ให้กู้ให้โจทก์รับรองว่าจะคืนภายใน 2 เดือน จึงจะให้ยืม จำเลยจึงเขียนเช็ค 2 ฉบับไม่ได้ลงวันที่ โจทก์สลักหลังเช็คทั้งสองฉบับ แล้วมอบให้จำเลยไปขอเงินที่ผู้ให้กู้ เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ชำระ ผู้ให้กู้ทวงถามโจทก์ โจทก์จึงใช้เงินให้ และยึดเช็ค 2 ฉบับนั้นไว้แล้วทวงถามจำเลย จำเลยชำระให้ครึ่งหนึ่ง โจทก์จึงคืนเช็คให้จำเลยหนึ่งฉบับ เมื่อทวงถามให้ชำระอีก จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงเขียนวันที่ลงในเช็ค แล้วเอาไปเข้าบัญชีธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงนำคดีมาฟ้อง ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการกู้เงินโดยเอาเช็คเป็นประกันเงินกู้ มิใช่จำเลยออกเช็คเพื่อแลกเงินสดหรืออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ และไม่ใช่เป็นการออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คโดยทราบดีว่าไม่มีเงินอยู่ในบัญชีฝากของตน และเจตนาที่จะไม่ใช่เงินตามเช็คนั้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ให้จำคุก ๓ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการออกเช็คของจำเลยในคดีนี้โจทก์ทราบดีว่าจำเลยไม่มีเงินในธนาคารในขณะออกเช็ค แต่โจทก์ก็ยังสลักหลังเช็คพิพาทให้แก่จำเลยแล้วให้จำเลยนำเช็คพิพาทไปแลกเงินจากนายฮัดเดรียซิงห์ ต่อมาภายหลังเช็คได้ตกมาอยู่ในมือโจทก์ในฐานะผู้ทรง แม้จะฟังว่าจำเลยได้ออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ใช่เงินก็ตาม โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑(๔) ที่ถูกควรเป็นมาตรา (๒) ๔ ทั้งนี้เพราะโจทก์มีส่วนรู้เห็นสนับสนุนให้จำเลยออกเช็คโดยไม่มีเงินฝากในธนาคารนี้เป็นกรณีถือได้ว่าโจทก์มีส่วนในกากระทำผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นร่วมกันกับจำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยกู้เงินนายฮัดเดรียซิงห์โดยเอาเช็คเป็นประกันเงินกู้ หาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นไม่ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้มาขอยืมเงินโจทก์ ๕,๐๐๐ บาท แต่โจทก์ไม่มีจำเลยจึงขอให้ไปยืมคนอื่นมาให้ โจทก์ได้โทรศัพท์ไปหานายฮัดเดรียซิงห์ นายฮัดเดรียซิงห์ บอกว่าให้โจทก์รับรองว่า จะคืนภายใน ๒ เดือนก็จะให้ยืม จำเลยจึงได้เขียนเช็ค ๒ ฉบับ ฉบับละ ๒,๕๐๐ บาท โดยไม่ได้ลงวันที่ โจทก์ได้เซ็นสลักหลังเช็คทั้งสองฉบับนั้นแล้ว มอบเช็คให้จำเลยไปขอเงินที่นายฮัดเดรียซิงห์ เมื่อครบกำหนด ๒ เดือนจำเลยไม่ชำระ นายฮัดเดรียซิงห์ได้ทวงถามโจทก์ โจทก์จึงได้ใช้เงิน ๕,๐๐๐ บาทนั้นและยึดเช็ค ๒ ฉบับนั้นไว้ แล้วได้ทวงถามจำเลย จำเลยชำระให้ ๒,๕๐๐ บาท จึงคืนเช็คให้จำเลยหนึ่งฉบับ ยังเหลืออีกหนึ่งฉบับคือฉบับที่พิพาท ได้ทวงถามจำเลยหลายครั้งจำเลยก็ขอผัดเรื่อยมา โจทก์ได้เขียนวันที่ลงในเช็คเป็นวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๐๙ แล้วเอาไปเข้าบัญชี ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแจ้งว่าปิดบัญชีแล้ว ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการกู้เงินโดยเอาเช็คเป็นประกันเงินกู้ หาใช่จำเลยออกเช็คเพื่อแลกเงินสดหรืออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้แต่ประการใดไม่ นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับจำเลยก็ได้ความชัดว่าโจทก์เป็นผู้รับรองเงินกู้รายนี้จะชำระภายในกำหนด ๒ เดือน เมื่อครบกำหนดโจทก์ก็ชำระแทนตามคำรับรองแล้ว นายฮัดเดรียซิงห์จึงคืนเช็ค ๒ ฉบับนั้นให้แก่โจทก์ คดีฟังไม่ได้ว่าการที่จำเลยออกเช็คนั้นเพื่อเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์
(ศริ มลิลา เฉลิม ทัตภิรมย์ เสลา หัมพานนท์)

Share