คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองไม่ได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์พิพาทออกขายทอดตลาด ก็หาเป็นเหตุให้ผู้ร้องหมดสิทธิในฐานะผู้รับจำนองไปไม่เพราะการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงบุริมสิทธิของผู้รับจำนองซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์พิพาทได้ ฉะนั้น เมื่อเอาทรัพย์พิพาทขายทอดตลาดโดยปลอดจำนองตามความประสงค์ของผู้ร้อง และผู้ร้องเป็นผู้ประมูลซื้อจากขายทอดตลาดได้ ผู้ร้องจึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นรวมทั้งโจทก์ด้วย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถแทรกเตอร์ยี่ห้อแคตเตอร์พิลล่า หมายเลขเครื่อง เอ ดี 4 ดี 3549 หมายเลขตัวถังซีเรียล 2330 สีเหลือง ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากไม่สามารถส่งคืนได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 400,000 บาท กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาทส่วนคำขออื่นให้ยก แต่จำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์พิพาท คือที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 2022 ตำบลไชยคราม อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของจำเลยที่ 2 ซึ่งจำนองเป็นประกันเงินกู้ไว้แก่ผู้ร้อง เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทโดยปลอดจำนองเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2542 โดยผู้ร้องเป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์พิพาทได้ในราคา 250,000 บาท

ผู้ร้องยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2542 ว่า ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ผู้รับจำนองซึ่งจำเลยที่ 2 จำนองทรัพย์พิพาทเป็นประกันเงินกู้ไว้แก่ผู้ร้อง จำเลยที่ 2 ยังเป็นหนี้ผู้ร้องคิดยอดหนี้ ณ วันที่ยื่นคำร้องเป็นต้นเงิน 1,200,000 บาท ดอกเบี้ย30,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,230,000 บาท ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทชำระหนี้จำนองให้แก่ผู้ร้องก่อนเจ้าหนี้อื่นรวมทั้งโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ด้วย

ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องหลังจากนำทรัพย์สินขายทอดตลาดแล้วจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคสองและกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองทรัพย์พิพาทมีสิทธิยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทก่อนเจ้าหนี้รายอื่นรวมทั้งโจทก์ด้วยหรือไม่เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติมาตรา 288 และ 289 บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่น ๆ ซึ่งบุคคลภายนอกอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นได้ตามกฎหมาย” และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 732บัญญัติว่า “ทรัพย์สินซึ่งจำนองขายทอดตลาดได้เงินเป็นจำนวนสุทธิเท่าใดท่านให้จัดใช้แก่ผู้รับจำนองเรียงตามลำดับ” เช่นนี้ ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองทรัพย์พิพาทมีบุริมสิทธิที่จะบังคับเหนือทรัพย์พิพาทเพื่อให้ได้รับชำระหนี้จากทรัพย์พิพาทก่อนเจ้าหนี้รายอื่นรวมทั้งโจทก์ด้วยตามที่บทกฎหมายดังกล่าวบัญญัติไว้ แม้ว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคสอง จะบัญญัติว่า “ในกรณีจำนองอสังหาริมทรัพย์หรือบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์อันได้ไปจดทะเบียนไว้นั้น ให้ยื่นคำร้องขอก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาด” ก็เป็นเพียงบทบัญญัติที่ให้อำนาจผู้รับจำนองที่จะยื่นคำร้องต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาด ทั้งนี้เพื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจะได้ดำเนินการให้เป็นไปโดยถูกต้องตามเจตนาของผู้รับจำนองเท่านั้น แต่ถ้าผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองไม่ได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลก่อนเอาทรัพย์พิพาทออกขายทอดตลาดก็หาเป็นเหตุให้ผู้ร้องหมดสิทธิในฐานะผู้รับจำนองไปไม่เพราะการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น ย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงบุริมสิทธิของผู้รับจำนองซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์พิพาทได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 732 ดังกล่าวมาแล้ว ฉะนั้น เมื่อเอาทรัพย์พิพาทขายทอดตลาดโดยปลอดจำนองตามหนังสือแจ้งความประสงค์ของผู้ร้องแล้ว และผู้ร้องเป็นผู้ประมูลซื้อจากขายทอดตลาดได้ ผู้ร้องในฐานะผู้รับจำนองทรัพย์พิพาทจึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นรวมทั้งโจทก์ด้วย การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยยังไม่ได้ไต่สวนว่าผู้ร้องมีสิทธิขอรับชำระหนี้เพียงใด จึงไม่ชอบศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของผู้ร้องต่อไปแล้วมีคำสั่งตามรูปคดี ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น”

พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

Share