แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์ร่วมจะกีดกันไม่ยอมให้จำเลยพูดคุยกับผู้ตายและด่าว่าจำเลยจนทำให้เกิดโทสะและฆ่าผู้ตายก็ตาม จำเลยก็อ้างบันดาลโทสะไม่ได้ เพราะในขณะนั้นผู้ตายมิใช่ผู้ข่มเหงจำเลยหรือมีส่วนสนับสนุนให้โจทก์ร่วมด่าว่าจำเลยแต่ประการใด การที่จำเลยฆ่าผู้ตายจึงมิใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 288, 289 ริบมีดของกลาง และนับโทษจำเลยต่อกับโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 28/2548 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การว่ากระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างพิจารณา นางคำปอง วราโภค มารดาของนางหรือนางสาวนิภรวราโภค ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 72 ลงโทษจำคุก 12 ปี คำเบิกความของจำเลยในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี ริบมีดของกลางส่วนข้อหาอื่นให้ยก และให้นับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 28/2548 ของศาลชั้นต้น
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต คำให้การของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 33 ปี4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา 72 นอกจากผู้กระทำถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมแล้ว ยังต้องเป็นการกระทำต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้นด้วย หากกระทำต่อผู้อื่นจะอ้างบันดาลโทสะไม่ได้ คดีนี้ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ร่วมประกอบกับคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.10 ว่า วันเกิดเหตุจำเลยเข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมโดยพกมีดปลายแหลมไปด้วย พบโจทก์ร่วมอยู่กับผู้ตายและบุตรผู้ตาย จำเลยขอพูดคุยกับผู้ตายแต่โจทก์ร่วมไม่ยอมกับด่าว่าจำเลยและขู่ว่าจะโทรศัพท์แจ้งความว่าจำเลยบุกรุก จำเลยโมโหจึงชักมีดปลายแหลมจากเอวตัดสายโทรศัพท์ในบ้านและวิ่งไปหาผู้ตายซึ่งอุ้มบุตรผู้ตายอยู่ แล้วใช้มือรัดคอผู้ตายทำให้บุตรผู้ตายหล่นลงไปที่พื้นและลากผู้ตายเข้าไปในห้องน้ำแต่ผู้ตายขัดขืน จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมดังกล่าวปาดคอและแทงผู้ตายยโดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้ด่าว่าจำเลยและบอกว่าจะไปมีสามีใหม่ซึ่งรวยกว่าจำเลยดังที่จำเลยกล่าวอ้าง ประกอบกับขณะที่โจทก์ร่วมด่าว่าจำเลยนั้น เชื่อว่าผู้ตายได้อุ้มบุตรผู้ตายปลีกตัวออกไปก่อนแล้วเพราะจำเลยอาจเข้ามาทำร้ายและพรากบุตรผู้ตายไปอีกก็ได้ ดังนั้น แม้โจทก์ร่วมจะกีดกันไม่ยอมให้จำเลยพูดคุยกับผู้ตายและด่าว่าจำเลยจนทำให้เกิดโทสะและฆ่าผู้ตายก็ตาม จำเลยก็อ้างบันดาลโทสะไม่ได้เพราะในขณะนั้นผู้ตายมิใช่ผู้ข่มเหงจำเลยหรือมีส่วนสนับสนุนให้โจทก์ร่วมด่าว่าจำเลยแต่ประการใด การที่จำเลยฆ่าผู้ตายจึงมิใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ…
พิพากษายืน