คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล โจทก์ได้มรณะเสียก่อนศาลพิพากษาคดี ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีแทนเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์มรณะเช่นนี้ ศาลก็ต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 วรรคสอง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 วรรคสองนั้นเป็นที่เห็นได้ชัดว่ากฎหมายประสงค์ให้ศาลจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเท่านั้น มิได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตอย่างใด (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2508)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้เช่าบ้านของนางสุขจิตต์ ค่าเช่าเดือนละ 150 บาท ต่อมานางสุขจิตต์ได้ขายบ้านพิพาทให้โจทก์ นับแต่นั้นมาจำเลยก็ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าเรื่อยมา ต่อมาจำเลยเพิ่งชำระให้โจทก์ เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่าโดยชำระให้ 30 เดือน เป็นเงิน4,600 บาท เนื่องจากจำเลยผิดนัดชำระค่าเช่าเป็นแรมเดือน โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยเช่าต่อไป ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลย จำเลยก็เพิกเฉยไม่ออกจากบ้าน จึงขอให้ศาลขับไล่จำเลยและบริวารออกจากบ้านพิพาท และให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยไม่ได้ผิดนัดชำระค่าเช่าให้โจทก์ 2 คราวติด ๆ กัน พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าเกินกว่า 2 คราวติด ๆ กัน เพิ่งชำระให้โจทก์เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่าแล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านพิพาท และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตั้งแต่วันบอกเลิกสัญญาถึงวันฟ้อง เป็นเงิน 110 บาท กับอีกเดือนละ 150 บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกจากบ้านพิพาท

จำเลยฎีกา

ในระหว่างฎีกา นายบุญบรรดาล วิทยวิภาต ยื่นคำร้องว่านายสงวน วิทยวิภาต โจทก์ถึงแก่กรรม นายบุญบรรดาลเป็นบุตรขอเข้าดำเนินคดีในฐานะโจทก์แทนนายสงวน

จำเลยยื่นคำร้องคัดค้าน

ศาลฎีกามีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของนายบุญบรรดาลแล้วได้ความว่า นายบุญบรรดาลเป็นบุตรนายสงวนโจทก์ นายสงวนโจทก์ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2507 แต่นายบุญบรรดาลยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีในฐานะเป็นโจทก์แทนนายสงวนเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2508 ซึ่งเป็นเวลาเกิน 1 ปี นับแต่นายสงวนถึงแก่กรรม ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 วรรคสอง บัญญัติว่า ถ้าไม่มีคำขอของบุคคลดังกล่าวมาแล้ว หรือไม่มีคำขอของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดไว้ ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเรื่องนั้นเสียจากสารบบความ เมื่อพิเคราะห์บทบัญญัติดังกล่าวแล้ว เป็นที่เห็นได้ชัดว่า กฎหมายประสงค์ให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเท่านั้น มิได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตแต่อย่างใด ฉะนั้น ในกรณีเรื่องนี้เมื่อนายบุญบรรดาลยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนนายสงวนผู้มรณะเมื่อเกิน 1 ปีแล้ว ศาลก็ต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

จึงให้ยกคำร้องของนายบุญบรรดาลเสีย และให้จำหน่ายคดีคือฟ้องฎีกาของจำเลยเสียจากสารบบความ

Share