แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยตกลงกันกำหนดวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนในวันที่ 8 มิถุนายน 2527 มิใช่วันที่ 8 พฤษภาคม 2527 ตามที่ศาลจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นออกนั่งพิจารณาสืบพยานจำเลยในวันที่ 8 พฤษภาคม 2527 และมีคำสั่งว่าคู่ความทั้งสองฝ่ายขาดนัดพิจารณาและสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ จึงเป็นคำสั่งจำหน่ายคดีโดยที่โจทก์จำเลยไม่ได้ขาดนัดพิจารณาเป็นคำสั่งที่เกิดจากการผิดหลงไม่มีผลบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200 ถือได้ว่าเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความว่าด้วยการพิจารณาโดยขาดนัด ศาลชั้นต้นเพิกถอนการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบโดยผิดหลงนั้นได้ ตามมาตรา27.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาสุรินทร์ที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่าย 3 ฉบับ ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คดังกล่าว จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีคิดถึงวันฟ้องเป็นเงินทั้งสิ้น32,986.90 บาท
จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิด เพราะเช็คตามที่โจทก์ฟ้องไม่มีมูลหนี้ต่อกัน
ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำสืบพยานก่อน ครั้นถึงวันนัดคือวันที่ 8 พฤษภาคม 2527 เวลา 8.30 นาฬิกา ทั้งโจทก์และจำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า ความจริงโจทก์และจำเลยกำหนดนัดสืบพยานจำเลยในวันที่8 มิถุนายน 2527 ไม่ใช่วันที่ 8 พฤษภาคม 2527 จึงขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสีย จำเลยยื่นคำแถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วเชื่อว่า โจทก์และจำเลยตกลงนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 8 มิถุนายน 2527 จริง จึงมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่จำหน่ายคดีนั้นเสีย ให้นัดสืบพยานจำเลยต่อไปใหม่
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ได้ความว่าครั้งแรกศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลย วันที่ 26 เมษายน 2527 เมื่อถึงวันนัดทนายจำเลยป่วยและขอเลื่อนคดี ศาลอนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลยไป ครั้นวันที่8 พฤษภาคม 2527 เวลา 8.30 นาฬิกาปรากฎว่าทั้งโจทก์จำเลยไม่มาศาลศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200 ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า ความจริงโจทก์จำเลยตกลงนัดสืบพยานจำเลยวันที่8 มิถุนายน 2527 มิใช่วันที่ 8 พฤษภาคม 2527 จึงขอให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งจ่ายคดีนั้นเสีย
จำเลยฎีกาว่า การที่จะยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีได้นั้นจะต้องเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งไปโดยผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 คดีนี้ศาลนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 8 พฤษภาคม 2527 ซึ่งทนายโจทก์และทนายจำเลยได้ลงลายมือชื่อทราบนัดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาโดยชอบแล้วเมื่อถึงวันนัดคู่ความไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ มาตรา 200 จึงไม่เป็นการผิดระเบียบ ศาลนั้นเองจะเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีไม่ได้ พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนคำร้องของโจทก์แล้วปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางในคดีหมายเลขดำที่ 31/2527 ลงวันที่ 18 เมษายน 2527 ซึ่งทนายโจทก์เป็นทนายความในคดีดังกล่าวว่า ศาลแรงงานกลางนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 8 พฤษภาคม2527 เวลา 9 นาฬิกา และตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2527 ก็ปรากฎว่าทนายโจทก์ได้ไปที่ศาลแรงงานกลางตามนัด จึงน่าเชื่อว่า โจทก์จำเลยได้ตกลงกันกำหนดวันนัดสืบพยานจำเลยคดีนี้ในวันที่ 8 มิถุนายน 2527 มิใช่วันที่ 8 พฤษภาคม 2527ตามที่ศาลจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาเพราะทนายโจทก์ย่อมจะไม่กำหนดวันนัดในดคีที่ศาลแรงงานกลางซึ่งนัดไว้ก่อนกับคดีของศาลนี้ในวันเดียวกัน ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่านัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 8 พฤษภาคม 2527 และได้มีคำสั่งในวันดังกล่าวว่า คู่ความทั้งสองฝ่ายขาดนัดพิจารณาและสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความจึงเป็นคำสั่งจำหน่ายคดีโดยที่โจทก์จำเลยไม่ได้ขาดนัดพิจารณา เป็นคำสั่งที่เกิดจากการผิดหลงไม่มีผลบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200 ถือได้ว่าเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาโดยขาดนัดที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการพิจารณาคดีที่ผิดระเบียบโดยผิดหลงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นการชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.