คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีฟ้องขับไล่ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกการเช่า พิพากษายกฟ้อง ในชั้นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยได้รับคำบอกเลิกสัญญาแล้ว และมีอำนาจฟังข้อเท็จจริงในประเด็นที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดไว้ว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พนะราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯได้เพราะไม่มีกฎหมายอะไรห้าม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องแถวและที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์ เพื่อประกอบการค้าและอุตสาหกรรม เพราะสัญญาเช่าสิ้นอายุแล้ว กับขอให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วย

จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัยไม่ได้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรม ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ

ศาลชั้นต้นกะประเด็น 2 ข้อ คือ 1. โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าหรือไม่ 2. จำเลยได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายหรือไม่ 3. โจทก์เสียหายเพียงไรหรือไม่

ศาลแพ่งวินิจฉัยประเด็นข้อ 1. ว่า โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกการเช่า ไม่ต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่น พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้วแต่จำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์นอกจากจะคัดค้านว่าจำเลยได้รับความคำบอกกล่าวเลิกสัญญากับโจทก์แล้ว ยังกล่าวต่อไปถึงประเด็นว่า จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ แม้ศาลชั้นต้นจะไม่ได้วินิจฉัยประเด็นข้อนี้ขึ้นวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจวินิจฉัยได้ไม่มีอะไรห้าม ส่วนฎีกาข้อ 2 ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยใช้ที่พิพาทเป็นที่อยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ

พิพากษายืน

Share