แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องระบุถึงตำแหน่งหน้าที่จำเลยในทางราชการและกล่าวว่า จำเลยได้ยักยอกเงินไปโดยนำเงินส่งคลังไม่ครบจำนวน ขอให้จำเลยใช้เงินจำนวนที่ส่งไม่ครบ ดังนี้ ยังไม่พอให้ถือว่าเป็นฟ้องกันเกี่ยวเนื่องจากความผิดทางอาญา เพราะในการที่จำเลยนำเงินส่งไม่ครบ อาจเป็นด้วยความพลั้งเผลอหรือหลงลืม ซึ่งมิใช่เป็นความผิดทางอาญา ฉะนั้นคดีจึงไม่เข้าอยู่ใน ป.ม.วิ. อาญามาตรา 51 และจะยกอายุความตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 78 มาปรับมิได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องมีใจความว่า ระหว่างเดือนเมษายน ๒๔๘๑ ถึงเดือนพฤศจิกายน ๒๔๘๔ จำเลยรับราชการเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานนายทะเบียนที่ดินจังหวัดปทุมธานี ในระหว่างที่จำเลยรับราชการดังกล่าวจำเลยได้รับเงินค่ามัดจำรังวัดที่ดินและเงินค่าธรรมเนียมจากผู้มาขอให้เจ้าพนักงานทำการรังวัดที่ดินตามระเบียบของกรมที่ดิน เพื่อนำฝากคลังและเบิกใช้จ่ายในการที่เจ้าพนักงานจะได้ทำการรังวัดและออกโฉนด
ในฟ้องระบุวันเวลาที่จำเลยได้รับเงินดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่ข้อ ๒ ก. ถึง ฉ. รวมจำเลยรับเงินไว้แล้วยักยอกเอาไว้เสียเป็นจำนวน ๑๑๐ บาท ฯลฯ จึงขอให้จำเลยใช้เงินดังกล่าวแก่โจทก์ ฯลฯ
จำเลยให้การปฏิเสธว่า ไม่ใช่หน้าที่ของจำเลยรับเงินกล่าวในฟ้อง และจำเลยมิได้ยักยอกกับตัดฟ้องว่า โจทก์ฟ้องเคลือบคลุม คดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นับแต่เวลาที่จำเลยทำผิดถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกิน ๑๐ ปี คดีขาดอายุความจึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์, ศาลอุทธรณ์พิพิากษายืน
โจทก์ฏีกาว่า ควรนับอายุความ ๑๕ ปี หรือ ๒๐ ปี ไม่ใช่ ๑๐ ปี เพราะโจทก์ฟ้องทางแพ่งนี้ เนื่องจากความผิดอาญามาตรา ๑๓๑
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องที่ขอให้จำเลยใช้เงินนี้ แม้จะได้ระบุถึงตำแหน่งหน้าที่จำเลยในราชการ และกล่าวว่าจำเลยได้ยักยอกไปโดยนำเงินส่งคลังไม่ครบจำนวนก็ดี ก็ยังไม่พอให้ถือว่าเป็นฟ้องกันเกี่ยวเนื่องจากความผิดทางอาญา เพราะในการที่จำเลยนำเงินส่งไม่ครบ อาจเป็นด้วยควา่มพลั้งเผลอหรือหลงลืม ซึ่งมิใช่เป็นความผิดทางอาญา ฉะนั้นคดีจึงไม่เข้าอยู่ใน ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๕๑ และจะยกอายุความตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๗๘ มาปรับมิได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว จึงพิพากษายืน