แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อบังคับของจำเลยที่กำหนดให้ผู้มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จต้องยื่นขอรับเงินภายใน 120 วัน นับแต่วันออกจากงาน จะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิที่จะเรียกร้องเงินบำเหน็จจากจำเลยได้แล้ว คือวันที่จำเลยอนุญาตให้โจทก์ลาออกจากงานเป็นต้นไป มิใช่นับแต่วันที่โจทก์ยื่นใบลาออก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย ต่อมาโจทก์ได้ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ และจำเลยมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๖ อนุญาตให้โจทก์ลาออกได ้ครั้นวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ โจทก์ยื่นคำขอรับเงินบำเหน็จซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับตามข้อบังคับของจำเลย แต่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเงินบำเหน็จโดยอ้างว่าโจทก์ยื่นคำขอเกิน ๑๒๐ วัน นับแต่วันโจทก์ยื่นใบลาออกซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะกำหนดเวลา ๑๒๐ วัน จะต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่จำเลยมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ลาออกคือวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๖
จำเลยให้การว่า จำเลยมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ลาออกได้ตั้งแต่วันที่ขอลาออกเป็นต้นไป กำหนดเวลา ๑๒๐ วัน ตามข้อบังคับการจ่ายเงินบำเหน็จจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันดังกล่าว เมื่อโจทก์ยื่นคำขอรับเงินบำเหน็จเกิน ๑๒๐ วัน จึงถือได้ว่าโจทก์สละสิทธิ์ โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาครั้งหนึ่งแล้วได้ถอนฟ้องไป การนำคดีมาฟ้องอีกโจทก์สละสิทธิ์ โจทก์เคยฟ้องมาครั้งหนึ่งแล้วได้ถอนฟ้องไปการนำคดีมาฟ้องอีกจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า โจทก์ยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ และจำเลยมีคำสั่งลงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๖ อนุญาตให้โจทก์ลาออกได้ตั้งแต่วันที่ขอลาออกคือวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ และจำเลยมีข้อบังคับว่าด้วยเงินบำเหน็จกำหนดให้ต้องยื่นขอรับเงินบำเหน็จภายใน ๑๒๐ วัน นับแต่วันออกจากงานหรือตาย หากเกินกำหนดเป็นอันหมดสิทธิแล้ววินิจฉัยว่า สำหรับคดีนี้ไม่มีปัญหาว่าข้อบังคับของจำเลยที่กำหนดระยะเวลายื่นคำขอรับเงินบำเหน็จไว้ดังกล่าวเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ คงมีปัญหาว่าการยื่นคำขอรับเงินบำเหน็จของโจทก์เกินกำหนด ๑๒๐ วัน หรือไม่ เห็นว่าการที่โจทก์ยื่นใบลาออกจากงานยังถือไม่ได้ว่าสิทธิในการได้รับเงินบำเหน็จเกิดขึ้นแล้ว เพราะยังไม่แน่นอนว่าจำเลยจะอนุญาตให้ลาออกหรือไม่ เมื่อใดฉะนั้น กำหนดระยะเวลาให้ยื่นคำขอรับเงินบำเหน็จ จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิที่จะเรียกร้องเงินบำเหน็จจากจำเลยได้แล้ว คือวันที่จำเลยอนุญาตให้โจทก์ลาออกจากงานเป็นต้นไป มิฉะนั้นจำเลยอาจจะรอไว้สั่งอนุญาตให้ลาออกเมื่อพ้นกำหนด ๑๒๐ วัน นับแต่วันยื่นใบลาออกแล้วเพื่อมิให้โจทก์มีโอกาสที่จะยื่นคำขอรับเงินบำเหน็จได้ เมื่อจำเลยอนุญาตให้โจทก์ลาออกไปในวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๒๖ โจทก์ทำคำขอรับเงินบำเหน็จเมื่อวันที่ ๒๑กรกฎาคม ๒๕๒๖ แม้จะถือระยะเวลาที่กำหนดตามข้อบังคับก็ยังไม่เกิน ๑๒๐ วัน
พิพากษากลับ ให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จจำนวน ๑๔,๒๐๓ บาท แก่โจทก์