แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ทำสัญญากับบริษัทต่างประเทศไว้ 2 ประเภท คือสัญญาประเภทให้ความช่วยเหลือทางด้านวิศวกรรม กับสัญญาประเภทให้ใช้เครื่องหมายการค้า โดยมีข้อสัญญาว่าเมื่อสัญญาให้ความช่วยเหลือทางด้านวิศวกรรมเลิกกัน โจทก์ต้องส่งคำแนะนำและเอกสารต่าง ๆ อันเกี่ยวกับข้อมูลการผลิตอันถือเป็นความลับคืน โดยห้ามทำสำเนาไว้ และผลของการเลิกสัญญาดังกล่าวมีผลให้สัญญาให้ใช้เครื่องหมายการค้าเลิกกัน สิทธิของโจทก์ที่จะใช้เครื่องหมายการค้าย่อมหมดไปสัญญาให้ความช่วยเหลือทางด้านวิศวกรรมดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นการให้ใช้สิทธิค่าตอบแทนสัญญาจึงเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(3) ซึ่งต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตาม มาตรา 70(2) แห่งประมวลรัษฎากร หาใช่เป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระตามมาตรา 40(6)ซึ่งต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 70(4) แห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวไม่ โจทก์อุทธรณ์เพียงว่า เมื่อการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินเป็นการไม่ชอบและไม่ถูกต้องแล้ว จำเลยย่อมไม่มีสิทธิเรียกเงินเพิ่มจากโจทก์ อุทธรณ์ของโจทก์มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางที่วินิจฉัยประเด็นเกี่ยวกับเงินปันผลที่โจทก์จ่ายจากกำไรในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2524 ที่โจทก์หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ไม่ถูกต้องจึงต้องเสียเงินเพิ่มว่าไม่ถูกต้องไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างไรจึงเป็นอุทธรณ์ไม่ชัดแจ้งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 29
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้มีหนังสือแจ้งให้โจทก์นำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2522-2525 สั่งให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลเงินเพิ่มและเบี้ยปรับรวมเป็นเงิน 3,839,895.01 บาท พร้อมทั้งเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนจำนวน 200,866.20 บาทไปชำระให้แก่จำเลยโดยอ้างว่าเป็นเงินค่าสิทธิที่โจทก์จ่ายให้แก่บริษัทเนสท์เล่ โปรดักส์ เทคนิคัล แอสซิสแตนซ์ จำกัด (ซึ่งต่อไปจะเรียกว่าบริษัทเนสเทค) และบริษัทฟู๊ดอินกรีเดียน์สสเปเชี่ยลลิตี้ส์ เอส. เอ. ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตามมาตรา 40(3)ซึ่งจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 70(2) แห่งประมวลรัษฎากรนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเงินที่โจทก์ได้จ่ายให้บริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นบริษัทในต่างประเทศเป็นเงินค่าตอบแทนในทางวิศวกรรมซึ่งเป็นการให้บริการโดยอาศัยความรู้ทางวิชาชีพตามมาตรา 40(6) และโจทก์ได้หักภาษีนำส่งให้จำเลยตามมาตรา 70(4) ครบถ้วนแล้ว การประเมินจึงไม่ชอบโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านตามกฎหมายแล้วแต่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นด้วยกับการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์โจทก์ การประเมินและคำวินิจฉัยไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนหนังสือแจ้งภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ ต.3/1041/2/03468 – เลขที่ต.3/1041/2/03474 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ 172/2533/2
จำเลยให้การว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้วขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกภาษีอากรวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นบริษัทดำเนินกิจการโรงงานผลิตกระป๋องและผลิตภัณฑ์อาหารประเภทนมข้นหวานนมสเตอริไลส์รสหวาน และรสจืด นมปรุงแต่งรสสเตอริไลส์นมถั่วเหลือง นมสดยูเอชที ธัญญาหารทารกและบะหมี่สำเร็จรูปในการนี้โจทก์ได้ทำสัญญากับบริษัทต่างประเทศ 2 ประเภท คือสัญญาประเภทให้บริการทางด้านวิศวกรรมโดยทำกับบริษัทเนสท์เล่ โปรดักส์เทคนิคัล แอสซิสแตนซ์ จำกัด หรือบริษัทเนสเทคและบริษัทฟู๊ดอินกรีเดี่ยน์ส สเปเซี่ยลลิตี้ส์ เอส. เอ. ประเทศสวิสเซอร์แลนด์และสัญญาประเภทให้ใช้เครื่องหมายการค้าโดยทำกับบริษัทไซซิเอทเต้ เดส์ โปรดุยกส์ เนสท์เล่ เอส. เอ. จำกัด และบริษัทฟู๊ด อินกรีเดี่ยน์ส สเปเซี่ยลลิตี้ส์ เอส.เอ. ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เห็นว่าการที่บริษัทเนสเทค และบริษัทฟู๊ดอินกรีเดี่ยน์ส สเปเซี่ยลลิตี้ส์ เอส.เอ. ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ให้ความช่วยเหลือโจทก์เกี่ยวกับการผลิตสินค้าตามกรรมวิธี เทคนิคสูตรและขบวนการผลิตต่าง ๆ โดยมีข้อสัญญาว่าเมื่อสัญญาเลิกโจทก์ต้องส่งคำแนะนำเอกสารต่าง ๆ อันเกี่ยวกับข้อมูลการผลิตอันถือเป็นความลับคืนให้บริษัททั้งสองโดยห้ามทำสำเนาไว้และผลของการเลิกสัญญาให้ความช่วยเหลือทางด้านวิศวกรรมมีผลให้สัญญาให้ใช้เครื่องหมายการค้าเลิกกันได้ สิทธิของโจทก์ที่จะใช้เครื่องหมายการค้าย่อมหมดไป สัญญาให้ความช่วยเหลือทางด้านวิศวกรรมดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นการให้ใช้สิทธิค่าตอบแทนตามสัญญาจึงเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(3) ซึ่งต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 70(2) แห่งประมวลรัษฎากร หาใช่เป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระตามมาตรา 40(6)ซึ่งต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 70(4) แห่งกฎหมายดังกล่าวข้างต้นไม่ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จึงชอบแล้ว ส่วนปัญหาที่โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยเรียกเงินเพิ่มตามมาตรา 27 แห่งประมวลรัษฎากรได้หรือไม่นั้น โจทก์อุทธรณ์เพียงว่า เมื่อการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินเป็นการไม่ชอบและไม่ถูกต้องแล้วจำเลยย่อมไม่มีสิทธิเรียกเงินเพิ่มจากโจทก์ เห็นว่า โจทก์มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลางที่วินิจฉัยประเด็นเกี่ยวกับเงินปันผลที่โจทก์จ่ายจากกำไรในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2524 ที่โจทก์หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ไม่ถูกต้องจึงต้องเสียเงินเพิ่มว่าไม่ถูกต้องไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างไร จึงเป็นอุทธรณ์ไม่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 29 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในประเด็นนี้
พิพากษายืน