คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คำให้การรับสารภาพของจำเลยใน ชั้นสอบสวนเป็น พยานบอกเล่าพนักงานสอบสวนดำเนินการไปฝ่ายเดียวโดยฝ่ายจำเลยไม่มีโอกาสโต้แย้งคัดค้านแม้ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังแต่ก็ มีน้ำหนักน้อยโจทก์จะต้องมีพยานอื่นมาสืบประกอบจึงจะมีน้ำหนักเพียงพอลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง และ แก้ไข คำฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2535เวลา กลางคืน ก่อน เที่ยง จำเลย กับพวก อีก 2 คน ที่ ยัง ไม่ได้ ตัว มา ฟ้องร่วมกัน มี อาวุธปืน ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก ไม่มี เครื่องหมายทะเบียน พร้อม กระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 2 นัด ไว้ ใน ครอบครองโดย ไม่ได้ รับ อนุญาต และ พา ติดตัว ไป ใน เมือง หมู่บ้าน และ ทางสาธารณะโดย ไม่ได้ รับ อนุญาต และ ไม่มี เหตุอันสมควร หรือ กรณี มีเหตุ จำเป็นและ เร่งด่วน ตาม สมควร แก่ พฤติการณ์ จำเลย กับพวก ดังกล่าว ร่วมกัน ลักรถยนต์ปิกอัพ หมายเลข ทะเบียน 2 ฌ-2142 กรุงเทพมหานคร ราคา335,800 บาท ของ บริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ ศรีธนา จำกัด ซึ่ง อยู่ ใน ความ ครอบครอง ของ นาย สุทธิชัย มงคลชาติ ไป โดยทุจริต ทั้งนี้ จำเลย กับพวก ขู่เข็ญ และ ใช้ อาวุธปืน ยิง นาย สุทธิชัย โดย เจตนาฆ่า และ ไตร่ตรอง ไว้ ก่อน เป็นเหตุ ให้ นาย สุทธิชัย ถึงแก่ความตาย และ เพื่อ สะดวก ใน การ ลักทรัพย์ และ พา เอา ทรัพย์ นั้น ไป จำเลย กับพวก ได้ ใช้รถยนต์ เป็น ยานพาหนะ ใน การกระทำ ความผิด การ ที่ จำเลย กับพวกฆ่า นาย สุทธิชัย ดังกล่าว เพื่อ เอาไว้ ซึ่ง ผลประโยชน์ ใน การ ที่ จำเลย กับพวก ปล้นทรัพย์ เพื่อ ปกปิด การกระทำ ความผิด เพื่อ หลีกเลี่ยง ให้ พ้นอาญา ใน การกระทำ ความผิด ฐาน ปล้นทรัพย์ เหตุ เกิด ที่ แขวง บางบอน และ แขวง ท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เกี่ยวพัน กัน วันเดียว กัน เจ้าพนักงาน ตำรวจ ยึด ได้ หัว กระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 1 หัวปลอก กระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 1 ปลอก ใน ที่เกิดเหตุ เป็นของกลาง วันที่ 28 ตุลาคม 2535 เจ้าพนักงาน ตำรวจ จับ จำเลย ได้พร้อม ยึด รถยนต์ หมายเลข ทะเบียน 2ฌ-2142 กรุงเทพมหานคร เป็น ของกลางโดย อุปกรณ์ บางส่วน คือ หลังคา แครี่บอย ราคา 10,000 บาท ลำโพง 1 ตัวราคา 500 บาท และ ป้าย ทะเบียน หน้า และ หลัง 2 แผ่น สูญหาย ไป และวันที่ 1 พฤศจิกายน 2535 เจ้าพนักงาน ตำรวจ ยึด อาวุธปืน ขนาด .45จำนวน 1 กระบอก ซึ่ง พวก คนร้าย ใช้ กระทำผิด เป็น ของกลาง จำเลย เป็นบุคคล คนเดียว กับ จำเลย ใน คดีอาญา หมายเลขแดง ที่ 1689/2536 และ คดีหมายเลขดำ ที่ 1431/2536 ของ ศาลชั้นต้น ขอให้ ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 288, 289, 340, 340 ตรีพระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ , 72, 72 ทวิ ริบอาวุธปืน หัว กระสุนปืน และ ปลอก กระสุนปืน ของกลาง ให้ จำเลย คืน หรือใช้ ราคา ทรัพย์ หลังคา แครี่บอย ลำโพง ป้าย ทะเบียน หน้า และ หลังกระเป๋า ใส่ เงิน 1 ใบ แก่ เจ้าของ ขอให้ นับ โทษ จำเลย ต่อ จาก โทษใน คดี หมายเลขแดง ที่ 1689/2536 และ คดี หมายเลขดำ ที่ 1431/2536 ของศาลชั้นต้น
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ แต่ รับ ว่า เป็น บุคคล เดียว กับ จำเลย ใน คดี ที่โจทก์ ขอให้ นับ โทษ ต่อ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)(6)(7), มาตรา 340 วรรคท้ายประกอบ มาตรา 340 ตรี พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ วรรคแรก , 72 วรรคแรก , 72 ทวิ วรรคสอง ประกอบ ด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็น ความผิด หลายกรรม ต่างกันให้ ลงโทษ ทุกกรรม เป็น กระทง ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐาน ร่วมกัน มี อาวุธปืน ไม่มี ทะเบียน ไว้ ใน ครอบครอง วางโทษ จำคุก 2 ปีฐาน ร่วมกัน พา อาวุธปืน ติดตัว ไป ตาม ทางสาธารณะ วางโทษ จำคุก 3 ปีฐาน ร่วมกัน ปล้นทรัพย์ เป็นเหตุ ให้ ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย และ ฐาน ร่วมกันฆ่า ผู้อื่น เป็น กรรมเดียว ผิด ต่อ กฎหมาย หลายบท ให้ ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย ตาม มาตรา 90 วางโทษประหารชีวิต เมื่อ วางโทษ ประหารชีวิต แล้ว ก็ ไม่มี ทาง ที่ จะ วางโทษหนัก ขึ้น อีก กึ่งหนึ่ง ตาม มาตรา 340 ตรี ได้ คำรับสารภาพ ของ จำเลย ใน ชั้นจับกุม และ สอบสวน เป็น ประโยชน์ แก่ การ พิจารณา มีเหตุ บรรเทา โทษลดโทษ ให้ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และ มาตรา 78 ประกอบด้วย มาตรา 52(1) กระทง ละ หนึ่ง ใน สาม ฐาน ร่วมกัน มี อาวุธปืน คง จำคุก1 ปี 4 เดือน ฐาน ร่วมกัน พา อาวุธปืน คง จำคุก 2 ปี ฐาน ร่วมกันปล้นทรัพย์ เป็นเหตุ ให้ ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย คง จำคุก ตลอด ชีวิต เมื่อจำคุก จำเลย ตลอด ชีวิต ตาม ความผิด ฐาน นี้ แล้ว ก็ ไม่อาจ นำ โทษ จำคุกใน ความผิด ฐาน อื่น มา รวม ได้ อีก ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)คง จำคุก จำเลย ตลอด ชีวิต เพียง สถาน เดียว ริบ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและ ปลอก กระสุนปืน ของกลาง ให้ จำเลย คืน หรือ ใช้ ราคา ทรัพย์หลังคา แครี่บอย ลำโพง ป้าย ทะเบียน และ กระเป๋า ใส่ เงิน แก่ เจ้าของนับ โทษ ต่อ จาก คดี หมายเลขแดง ที่ 3401/2536 ของ ศาลชั้นต้น
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟังได้ ในเบื้องต้น ว่า ใน วัน เวลา และ สถานที่เกิดเหตุ ตาม ฟ้อง มี คนร้าย ลักเอา รถยนต์ปิกอัพ หมายเลข ทะเบียน 2ฌ-2142 กรุงเทพมหานคร ของบริษัท เงินทุนหลักทรัพย์ ศรีธนา จำกัด ซึ่ง อยู่ ใน ความ ครอบครอง ของ นาย สุทธิชัย มงคลชาติ ผู้ตาย ไป โดย คนร้าย ได้ ใช้ อาวุธปืน ยิง ผู้ตาย ถึงแก่ความตาย หลัง เกิดเหตุ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ยึด ได้หัว กระสุนปืน ปลอก กระสุนปืน และ อาวุธปืน ที่ คนร้าย ใช้ ใน การกระทำ ผิดเป็น ของกลาง ต่อมา วันที่ 28 ตุลาคม 2535 เจ้าพนักงาน ตำรวจจับกุม จำเลย พร้อม รถยนต์ ที่ คนร้าย ลัก ไป เป็น ของกลาง มี ปัญหา วินิจฉัยตาม ฎีกา ของ โจทก์ ว่า จำเลย ได้ กระทำ ความผิด ตาม ฟ้อง หรือไม่โจทก์ ไม่มี ประจักษ์พยาน ที่ รู้เห็น ว่า จำเลย เป็น ผู้กระทำ ความผิดตาม ฟ้อง มา เบิกความ คง มี แต่ พัน ตำรวจ ตรี เกรียงไกร ธำรงสัตย์ พนักงานสอบสวน มา เบิกความ ยืนยัน ว่า ใน ชั้นสอบสวน จำเลย ให้การรับสารภาพ ว่า ได้ ร่วม กับ นาย ปรีชา สุขทอง และ นาย อำนวยเทพ แซ่ตั้ง ปล้น เอา รถยนต์ ของกลาง และ ร่วมกัน ฆ่า ผู้ตาย ตาม เอกสาร หมาย จ. 21 นอกจาก นี้ จำเลย ได้ นำ ชี้ ที่เกิดเหตุ ประกอบ คำรับสารภาพให้ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ถ่าย ภาพ ไว้ ตาม บันทึก การ นำ ผู้ต้องหา ชี้สถานที่เกิดเหตุ ประกอบ คำรับสารภาพ เอกสาร หมาย จ. 22 และ ภาพถ่ายหมาย จ. 23 ซึ่ง จำเลย ลงชื่อ รับรอง ไว้ คำให้การ รับสารภาพ ของจำเลย ใน ชั้นสอบสวน ซึ่ง จำเลย ปฏิเสธ ใน ชั้นพิจารณา เป็น พยานบอกเล่าพนักงานสอบสวน ดำเนินการ ไป ฝ่ายเดียว โดย ฝ่าย จำเลย ไม่มี โอกาสโต้แย้ง คัดค้าน แม้ ไม่มี กฎหมาย ห้าม มิให้ รับฟัง แต่ ก็ มี น้ำหนัก น้อยโจทก์ จะ ต้อง มี พยาน อื่น มา สืบ ประกอบ จึง จะ มี น้ำหนัก เพียงพอ ลงโทษจำเลย ได้ พยาน อื่น ที่ โจทก์ นำ มา สืบ คง ได้ความ แต่เพียง ว่า ก่อน ที่จะ จับกุม จำเลย ได้ นั้น เจ้าพนักงาน ตำรวจ ได้ จับกุม นาย ปรีชา และ นาย อำนวยเทพ น้องชาย ของ จำเลย ได้ พร้อม อาวุธปืน ของกลาง เมื่อ จำเลย ให้การรับสารภาพ ว่า ร่วม กับ นาย ปรีชา และ นาย อำนวยเทพ กระทำผิด คดี นี้ แล้ว เจ้าพนักงาน ตำรวจ ได้ นำ อาวุธปืน ของกลางที่ ยึด ได้ จาก นาย ปรีชา และ นาย อำนวยเทพ มา ให้ จำเลย ดู จำเลย รับ ว่า เป็น อาวุธปืน ที่ ใช้ ยิง ผู้ตาย แต่ จาก การ ตรวจ พิสูจน์ หัว กระสุนปืน และปลอก กระสุนปืน ที่ ยึด ได้ จาก ที่เกิดเหตุ กับ อาวุธปืน ของกลาง นั้นพันตำรวจโท ชัยวัฒน์ เชาวน์ดี ผู้ตรวจ พิสูจน์ ตาม เอกสาร หมาย จ. 5ก็ ไม่สามารถ ยืนยัน ได้ว่า หัว กระสุนปืน และ ปลอก กระสุนปืน ที่ ยึดมาจาก ที่เกิดเหตุ ใช้ ยิง มาจาก อาวุธปืน ของกลาง สำหรับ รถยนต์ ของกลางแม้ ข้อเท็จจริง ได้ความ ว่า เจ้าพนักงาน ตำรวจ ยึด มา ได้ ขณะที่ อยู่ใน ความ ครอบครอง ของ จำเลย โดย หลังคา รถ หาย ไป แต่ ก็ ได้ความ ว่า จำเลย ครอบครอง ใช้ รถ ของกลาง โดย เปิดเผย ทั้ง ไม่มีร่องรอย ขูด ลบ แก้ไข บริเวณ เลข หมาย ประจำ เครื่องยนต์ เลข หมายประจำ คัสซี และ ไม่มี การ เปลี่ยนแปลง และ พ่นสี ใหม่ แต่อย่างใดอัน จะ มี พิรุธ ให้ เห็น ได้ว่า จำเลย ได้ รถยนต์ ของกลาง มาจาก การ ร่วมกระทำผิด คดี นี้ ข้อเท็จจริง กลับ ได้ความ ตาม คำเบิกความ ของพันตำรวจโท โชติ กุลดิลก พยานโจทก์ ที่ ร่วม กับพวก จับกุม จำเลย ว่า ใน ชั้น จับกุม สอบถาม จำเลย อ้างว่า ซื้อ รถยนต์ ของกลาง ต่อมา จาก บุคคลอื่น ซึ่ง ก็ สอดคล้อง กับ ทางนำสืบ ต่อสู้ ของ จำเลย ใน ชั้นพิจารณาพฤติการณ์ ที่ เพียง ยึด รถยนต์ ของกลาง ได้ จาก ความ ครอบครอง ของ จำเลยแล้ว จะ คาดคะเน เอา ว่า จำเลย ได้ รถยนต์ ของกลาง มาจาก การกระทำ ผิดอันเป็น ผล ร้าย แก่ จำเลย และ นำ มา ลงโทษ จำเลย ดัง ที่ โจทก์ ฎีกา นั้นย่อม เป็น การ รับฟัง พยานหลักฐาน ฝ่าฝืน ต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ที่ ให้ยก ประโยชน์ แห่ง ความ สงสัย ให้ แก่ จำเลย ส่วน ที่ โจทก์ ฎีกา ว่า นาย ปรีชา ระบุ ชื่อ จำเลย ว่า เป็น คนร้าย ต่อหน้า เจ้าพนักงาน ตำรวจ ชั้น ผู้ใหญ่นั้น เป็น คำซัดทอด ของ ผู้ที่ เคย ตกเป็น ผู้ต้องหา ด้วยกัน แม้ จะ รับฟัง ได้แต่ ก็ มี น้ำหนัก น้อย พยาน อื่น ดังกล่าว จึง ไม่มี น้ำหนัก ที่ จะ รับฟังประกอบ คำให้การ รับสารภาพ ใน ชั้นสอบสวน ของ จำเลย ดังกล่าว ได้ชั้นพิจารณา จำเลย นำสืบ ต่อสู้ ว่า ใน ชั้นสอบสวน จำเลย ถูก ทำร้ายและ จูงใจ ให้ รับสารภาพ มิได้ ให้การ ด้วย ความสมัครใจ พยานหลักฐานโจทก์ จึง มี เพียง คำให้การ รับสารภาพ ใน ชั้นสอบสวน ของ จำเลย โดย โจทก์ไม่มี พยาน อื่น ที่ มี น้ำหนัก มา สืบ ประกอบ จึง ไม่มี น้ำหนัก เพียงพอ ให้เชื่อ ได้ว่า จำเลย ได้ กระทำ ความผิด ตาม ฟ้อง ศาลอุทธรณ์ พิพากษายก ฟ้องมา นั้น ชอบแล้ว ฎีกา ของ โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน แต่ ให้ริบ อาวุธปืน หัว กระสุนปืน และ ปลอก กระสุนปืนของกลาง

Share