แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ยกที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญมอบการครอบครองให้แล้ว ผู้รับย่อมได้สิทธิครอบครองโดยมิต้องทำหนังสือและจดทะเบียนการให้ เมื่อมีผู้บุกรุกรบกวน ผู้รับย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่ได้.
ย่อยาว
คดี ๒ สำนวน พิจารณาพิพากษารวมกัน
โจทก์ฟ้องว่า นายเหลื่อมบิดาโจทก์มีที่นาและที่สวน ๗๕ ไร่ นายเหลื่อมได้ยกให้นางล้วนโจทก์ ๒๕ ไร่ ให้นางอุไรโจทก์ ๑๐ ไร่ แต่คงปกครองทำกินร่วมกันมาจนเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๙๘ นายเหลื่อมจึงมอบกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ไปแจ้งการครอบครองและถือกรรมสิทธิเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยตลอดมา ครั้น เดือน ๗ พ.ศ. ๒๕๐๐ จำเลยบุกรุกเข้ามาปลูกต้นกล้วย เมล็ดละหุ่ง ในที่ของนางล้วนโจทก์ประมาณ ๙ ไร่ ของนางอุไรโจทก์ประมาณ ๕ ไร่ โจทก์จึงฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ บังคับจำเลยและบริวารไม่ให้เกี่ยวข้องและเรียกค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทไม่ใช่ของนายเหลื่อม ๆ ไม่ได้ปกครอง ไม่มีสิทธิยกให้โจทก์ ที่พิพาทเป็นที่รกร้างว่างเปล่าและป่า จำเลยเข้าจับจองแต่ พ.ศ. ๒๔๙๗ ปกครองทำกินมาโดยสุจริต เปิดเผย โจทก์ก็รู้ มิได้ฟ้องภายใน ๑ ปีหมดสิทธิในการฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ที่นายเหลื่อมยกที่ดินให้โจทก์ไม่ได้จดทะเบียน การยกให้เป็นโมฆะ ถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยและบริวารไม่ให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน โดยวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของนายเหลื่อมครอบครองมาก่อนจึงมีสิทธิยกให้แก่โจทก์ได้ แม้การยกให้จะมิได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน แต่ที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญ ผู้ครอบครองอยู่มีแต่เพียงสิทธิครอบครอง เมื่อนายเหลื่อมผู้มีสิทธิครอบครองอยู่ได้แบ่งยกให้โจทก์ ๆ เข้าครอบครองมา สิทธิของนายเหลื่อมก็สิ้นสุดลง เพราะได้เจตนาสละสิทธิครอบครองให้แก่โจทก์แล้ว โจทก์จึงได้สิทธิครอบครองและมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้บุกรุกมารบกวนสิทธิของโจทก์ได้.