คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ผู้ร้องจะมีชื่อในทะเบียนบ้านเลขที่ 507/292 ก็ตาม แต่เมื่อผู้ร้องยังใช้บ้านเลขที่ 766/26 ซึ่งผู้ร้องเคยอยู่มาแล้วเดิมในการขอจดทะเบียนบริษัทลูกหนี้ก็ดี และใช้บ้านเลขที่ดังกล่าวปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ดี กรณีถือได้ว่าผู้ร้องเจตนาประสงค์ใช้บ้านเลขที่ 766/26 เป็นภูมิลำเนาของผู้ร้องแต่เฉพาะการในการจัดตั้งบริษัทลูกหนี้ และในการปฏิเสธหนี้ของบริษัทลูกหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 49 เดิม ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งหมายนัดสอบสวน หนังสือยืนยันหนี้ตลอดจนคำบังคับไปยังผู้ร้องที่บ้านเลขที่ 766/26 จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้บริษัทลูกหนี้(จำเลย) ล้มละลายและศาลได้มีคำพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนพบว่าผู้ร้องเป็นลูกหนี้รายที่ 3 ของบริษัทลูกหนี้ จึงมีหนังสือยืนยันหนี้ไปยังผู้ร้องหากคัดค้านให้ยื่นคำคัดค้านต่อศาล ปรากฏว่าผู้ร้องมิได้ยื่นคำคัดค้าน จึงถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้บริษัทลูกหนี้เด็ดขาดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ขอศาลออกหมายบังคับคดีแก่ผู้ร้องให้ชำระหนี้ดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลออกหมายบังคับคดีแก่ผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องไม่ชำระหนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงได้ทำการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 19524 ของผู้ร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า มิได้เป็นหนี้บริษัทลูกหนี้ เมื่อได้รับแจ้งว่าเป็นหนี้บริษัทลูกหนี้ ผู้ร้องได้ยื่นหนังสือปฏิเสธหนี้ไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว แต่ไม่ได้รับหมายนัดจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ไปสอบสวน ต่อมาจึงทราบว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 19524 ของผู้ร้อง และทราบว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปิดหมายนัดที่บ้านเลขที่ 766/26 ถนนเจริญกรุง แขวงบางคอแหลม เขตยานนาวา อันเป็นภูมิลำเนาเดิม ผู้ร้องย้ายจากบ้านดังกล่าวไปนานแล้ว จึงถือว่าการปิดหมายนัดสอบสวนผู้ร้องไม่ชอบ ขอให้ศาลกลับคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยให้นัดผู้ร้องไปทำการสอบสวนเรื่องปฏิเสธหนี้ใหม่ให้ถอนการยึดที่ดินโฉนดดังกล่าว และให้งดการขายทอดตลาดที่ดินของผู้ร้อง
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ส่งหมายนัดสอบสวน หนังสือยืนยันหนี้ ตลอดจนคำบังคับไปยังผู้ร้องที่บ้านเลขที่ 766/26 ถนนเจริญกรุง แขวงบางคอแหลม เขตยานนาวา นั้น ถือว่าชอบด้วยกฎหมายแล้ว เพราะผู้ร้องเคยปฏิเสธหนี้โดยใช้บ้านเลขที่ดังกล่าวต้องถือว่า บ้านเลขที่ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของผู้ร้อง เมื่อผู้ร้องมิได้นำพยานหลักฐานมาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนจนกระทั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์งดการสอบสวนพยานของผู้ร้อง และมีความเห็นว่า ผู้ร้องเป็นหนี้ค่าหุ้นบริษัทลูกหนี้ และได้ส่งหนังสือยืนยันหนี้ไปยังผู้ร้องโดยชอบแล้ว แต่ผู้ร้องมิได้คัดค้านต่อศาลภายในกำหนดเวลา จึงถือว่าผู้ร้องเป็นหนี้กองทรัพย์สินของบริษัทลูกหนี้เป็นการเด็ดขาด ชอบที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะร้องขอต่อศาลให้ออกคำบังคับและหมายบังคับคดียึดทรัพย์ของผู้ร้อง การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดที่ดินของผู้ร้องตามหมายบังคับคดีของศาลนั้น เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องมีภูมิลำเนาที่บ้านเลขที่ 507/292 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงช่องนนทรีเขตยานนาวา เพียงแห่งเดียว ไม่ได้มีภูมิลำเนาที่บ้านเลขที่766/26 ตรอกจันทร์ใน ถนนเจริญกรุง แขวงบางคอแหลม เขตยานนาวา ด้วยนั้น เห็นว่าตามเอกสารหมาย จ.พ.ท.4 รายชื่อคำขอจดทะเบียนบริษัทลูกหนี้ และรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทลูกหนี้ในวันประชุมตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2524 ปรากฏว่ามีรายชื่อผู้ร้องเป็นผู้ขอตั้งบริษัทลูกหนี้และเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทลูกหนี้และมีการขอแก้ที่อยู่จากบ้านเลขที่ 507/292 ถนนสาธุประดิษฐ์แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา เป็นบ้านเลขที่ 766/26 ตรอกจันทร์ในถนนเจริญกรุง แขวงบางคอแหลม เขตยานนาวา เป็นที่อยู่ของผู้ร้อง และการแก้ไขที่อยู่ดังกล่าวกระทำภายหลังผู้ร้องมีชื่อในทะเบียนบ้านเลขที่ 507/292 เอกสารหมาย ร.4 แล้ว และที่ผู้ร้องฎีกาว่า หนังสือปฏิเสธหนี้เอกสารหมาย ร.7 ระบุบ้านเลขที่ 766/26ถนนเจริญกรุง แขวงบางคอแหลม เขตยานนาวา เป็นที่อยู่ของผู้ร้อง เพราะทนายความทำหนังสือดังกล่าวให้ผู้ร้องเซ็นชื่อโดยผู้ร้องไม่ได้อ่านนั้น เห็นว่า ผู้ร้องเป็นนักธุรกิจปกติย่อมต้องเป็นผู้รอบคอบตามวิสัยของนักธุรกิจ ดังนั้น ที่ผู้ร้องอ้างว่าเซ็นชื่อในหนังสือปฏิเสธหนี้ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญโดยไม่ได้อ่านนั้นย่อมไร้เหตุผลในการที่จะรับฟัง ดังนั้น การที่ผู้ร้องแม้จะมีชื่อในทะเบียนบ้านเลขที่ 507/292 ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา ก็ตาม แต่เมื่อผู้ร้องยังใช้บ้านเลขที่766/26 ซึ่งผู้ร้องเคยอยู่มาแล้วเดิมในการขอจดทะเบียนบริษัทลูกหนี้ก็ดี และใช้บ้านเลขที่ดังกล่าวปฏิเสธหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ดี กรณีถือได้ว่าผู้ร้องเจตนาประสงค์ใช้บ้านเลขที่766/26 เป็นภูมิลำเนาของผู้ร้องแต่เฉพาะการ ในการจัดตั้งบริษัทลูกหนี้ และในการปฏิเสธหนี้ของบริษัทลูกหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 49 ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ส่งหมายนัดไปยังผู้ร้องที่บ้านเลขที่ 766/26 โดยวิธีปิดหมายตามเอกสารหมาย จ.พ.ท.2 และ จ.พ.ท.5นั้นถือว่าชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share