คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องรู้เห็นในการที่จำเลยซึ่งเป็นสามีผู้ร้องเข้าเป็นกรรมการสหกรณ์โจทก์รับดำเนินงานจัดซื้อข้าวโพด โดยมีรายได้จากโจทก์วันละ 30 บาท ผู้ร้องเคยพาผู้อื่นไปขายข้าวโพดกับโจทก์ จึงมีส่วนช่วยในการดำเนินงานดังกล่าวหารายได้จุนเจือครอบครัว หนี้ตามคำพิพากษาเป็นค่าเสียหายเกิดจากจำเลยดำเนินงานดังกล่าวและประพฤติผิดสัญญาต่อโจทก์เป็นหนี้ที่จำเลยก่อขึ้นในระหว่างสมรส ถือได้ว่าเป็นหนี้ที่จำเลยกับผู้ร้องเป็นลูกหนี้ร่วมกันผู้ร้องต้องร่วมรับผิด จึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนตามคำร้อง

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดคือเรือนแถว 2 ชั้น 2 คูหา และชุดรับแขก 1 ชุด ซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 4 ผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอมให้จำเลยที่ 4กระทำการตามที่ถูกฟ้อง ทั้งหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้ก็ไม่ใช่หนี้ร่วมผู้ร้องไม่มีส่วนต้องรับผิด ขอให้มีคำสั่งกันเงินที่ขายทอดตลาดทรัพย์ทั้ง 2 รายให้แก่ผู้ร้องครึ่งหนึ่ง

โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องเป็นภรรยาจำเลยที่ 4 หนี้สินคดีนี้เนื่องจากจำเลยที่ 4 ประกอบอาชีพนำไปเลี้ยงครอบครัว ผู้ร้องรู้เห็นและยอมรับในการกระทำของจำเลยที่ 4 จึงไม่มีสิทธิขอกันส่วน

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องเป็นภรรยาจำเลยที่ 4 จดทะเบียนสมรสอยู่กินด้วยกันตลอดมา ห้องแถวสองชั้นสองคูหาและชุดรับแขก 1 ชุด ที่โจทก์นำยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 4 ผู้ร้องรู้เห็นในการที่จำเลยที่ 4 เข้าเป็นกรรมการสหกรณ์โจทก์ รับดำเนินงานจัดซื้อข้าวโพด โดยมีรายได้จากสหกรณ์โจทก์วันละ 30 บาท ผู้ร้องเคยพาผู้อื่นไปขายข้าวโพดกับสหกรณ์โจทก์ จึงมีส่วนช่วยในการดำเนินงานดังกล่าวหารายได้จุนเจือครอบครัวหนี้ตามคำพิพากษาเป็นค่าเสียหายที่เกิดจากจำเลยที่ 4 ดำเนินงานดังกล่าวและประพฤติผิดสัญญาต่อสหกรณ์โจทก์ เป็นหนี้ที่จำเลยที่ 4 ก่อขึ้นในระหว่างสมรส ถือได้ว่าเป็นหนี้ที่จำเลยที่ 4 กับผู้ร้องซึ่งเป็นสามีภรรยากันเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ผู้ร้องต้องร่วมรับผิดด้วย

พิพากษายืน

Share