คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่า “ประกัน” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155 (2) นั้น หมายความถึงการประกันการชำระหนี้
การที่จะให้อสังหาริมทรัพย์ใดเป็นการประกันการชำระหนี้ได้ ต้องกระทำด้วยวิธีการจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702, 703 และต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 704
สัญญากู้ยืมเงินที่ระบุไว้ว่าผู้กู้ได้นำใบแจ้งการครอบครองที่ดินสวนยาง 1 แปลง เนื้อที่ 9 ไร่เศษให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้เป็นประกันด้วยนั้น หาใช่เป็นการเอาสวนยางเข้าประกันการชำระหนี้ตามกฎหมายไม่ ฉะนั้น ถ้าผู้กู้ทำนิติกรรมยกสวนบางบางส่วนให้คนอื่นไป จึงถือไม่ได้ว่าลูกหนี้ทำให้ลดน้อยถอยลงซึ่งประกันอันได้ให้ไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155 (2)

ย่อยาว

นางคล้อยซึ่งเป็นบุตรของจำเลยทั้งสองได้ขอให้โจทก์ดำเนินคดีแทน ฟ้องจำเลยทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองได้กู้เงินนางคล้อยไป ๒๒,๐๐๐ บาท ได้เอาที่ดินสวนยางของจำเลยหนึ่งแปลงให้นางคล้อยยึดถือไว้ เป็นประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ร้องขอต่อศาลขอแบ่งที่ดินสวนยางนั้นออกเป็นสองส่วน ได้แก่จำเลยคนละส่วน แล้วจำเลยที่ ๑ ได้ยกส่วนได้ของตนให้แก่นางเสน พรหมสียา โดยเสน่หา เจ้าพนักงานได้ทำการแบ่งแยกโอนที่ดินสวนยางดังกล่าวให้แก่นางเสน ไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ ๑ เช่นนี้ ทำให้หลักประกันลดน้อยถอยลงต่ำกว่าจำนวนเงินที่จำเลยกู้ไป โดยจำเลยที่ ๑ มีเจตนายักย้ายถ่ายเททรัพย์สินซึ่งเป็นการฉ้อฉล นางคล้อยจึงขอบังคับให้จำเลยทั้งสองใช้เงินกู้ ๒๒,๐๐๐ บาทแก่นางคล้อย และสั่งเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินระหว่างจำเลยที่ ๑ กับนางเสนด้วย
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารราแล้วฟังว่า หนี้เงินกู้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ที่ดินที่จำเลยเอามาวางประกันเงินกู้หาใช่เป็นหลักประกันพิเศษชนิดจำนำจำนองไม่ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย ส่วนคำขอให้เพิกถอนนิติกรรมนั้น จำเลยทั้งสองยังมีทรัพย์สินเป็นหลักประกันหนี้ประกอบกับนางเสนผู้รับโอนหาได้เป็นจำลเยในคดีนี้ด้วยไม่ ศาลจะสั่งเพิกถอนไม่ได้ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าหนี้เงินกู้ที่โจทก์ฟ้องยังไม่ถึงกำหนดชำระ และตามสัญญากู้ข้อ ๒ ฟังได้ว่าจำเลยได้นำใบแจ้งการครอบครองที่ดินสวนยาง ๑ แปลง เนื้อที่ ๙ ไร่เศษให้นางคล้อยยึดถือไว้เป็นประกัน แล้วต่อมาจำเลยทั้งสองได้ตกลงแบ่งที่ดินสวนยางนั้นกันคนละครึ่ง เฉพาะที่ดินส่วนได้ของจำเลยที่ ๑ ๆ ได้ทำนิติกรรมยกให้นางเสนไปแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่า “ประกัน” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรามาตรา ๑๕๕ (๒) นั้น หมายถึงการประกันการชำระหนี้ การที่จะให้อสังหาริมทรัพย์ใดเป็นประกันการชำระหนี้ได้ ต้องกระทำด้วยวิธีการจำนองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๐๒, ๗๐๓ และทั้งต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๗๑๔ ฉะนั้น การที่จำเลยยกที่ดินสวนยางบางส่วนให้คนอื่นไป แม้จะเป็นการกระทำให้ลดน้อยถอยลงซึ่งทรัพย์ของตนเอง แต่ก็หาใช่เป็นทรัพย์ซึ่งได้เอาทำการประกันการชำระหนี้ของนางคล้อยไม่ คดีไม่ต้องด้วยบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๕ (๒) เมื่อเช่นนี้ จำเลยก็ยังถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลานั้นได้ ฯลฯ ส่วนคำขอที่ให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนนั้น โจทก์หาได้ฟ้องนางเสนเข้ามาเป็นจำเลยด้วยไม่
ไม่มีกฎหมายที่จะให้ศาลบังคับบุคคลนอกคดีได้ จึงพิพากษายืน

Share