คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายได้โต้เถียงและทำร้ายบิดาจำเลย ๆ ได้วิ่งเข้ามา ผู้ตายได้ใช้ไม้ตีจำเลย ๆ จึงใช้มีดแทงผู้ตายไป 1 ที และผู้ตายได้ตีจำเลยอีก 1 ที แล้วเอี้ยวตัวจะผละหนี จำเลยก็แทงผู้ตายที่หลังอีก 1 ที ดังนี้การที่จำเลยแทงครั้งหลังนั้นไม่เป็นการป้องกันตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 50 เพราะจำเลยแทงข้างหลัง ไม่มีความจำเป็นที่จำเลยจะต้องแทงผู้ตายเพื่อให้บิดาหรือตัวจำเลยพ้นภยันตรายจากการกระทำของผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่กระทำลงโดยบรรดาลโทษะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙,๕๕ จำเลยต่อสู้ว่าทำโดยป้องกันตัวบิดาและตัวจำเลยเอง ทางพิจารณาได้ความว่านายลบผู้ตายและนายจันทร์บิดาจำเลย ได้เกิดโต้เถียงกับนายลบได้ถีบนายจันทร์ล้มลง พอนายจันทร์โงศีรษะลุกขึ้น นายลบก็ตีเอา ๑ ที ตบ ๑ ที ทันใดนั้นจำเลยก็วิ่งเข้ามา นายลบคว้าไม้ไผ่ขนาดข้อมือยาวแก่ศอกตีจำเลยถูกแขนซ้าย จำเลยจึงชักมีดออกจากกระเป๋ากางเกงแทงนายลบถูที่หน้าอก นายลบตีจำเลยอีก ๑ ที แล้วเอี้ยวตัวจะผละหนี จำเลยก็แทงนายลบถูกที่หลังอีก ๑ ที นายลบกระโดยเรือนหนีไป แล้วต่อมาได้ถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย ๔ ปีตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙,๕๕,๕๙ ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา ๒๔๙,๕๐,๕๓ จำคุก ๑ ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้แทงนายลบจริงตามคำพะยานโจทก์ และเห็นว่าที่จำเลยแทงครั้งหลังนั้น ไม่เป็นการป้องกันตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๕๐ เพราะจำเลยแทงข้างหลัง ในขณะที่นายลบเอี้ยวตัวจะผละหนี ไม่มีความจำเป็นที่จำเลยจะต้องแทงนายลบ เพื่อให้บิดาหรือตัวจำเลยพ้นภยันตรายจากการกระทำของนายลบอีก และเมื่อแผลที่จำเลยแทงครั้งหลังทำให้นายลบตายด้วย การกระทำของจำเลย จึงเป็นการฆ่าคนโดยเจตนาที่ศาลชั้นต้นพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษาแก้ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share