คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15326/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ป.วิ.พ. มาตรา 290 มิได้บัญญัติไว้ว่าศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้เฉลี่ยทรัพย์ได้จะต้องมีการประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ก่อน จึงแปลความได้ว่าแม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมิได้มีคำสั่งประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดไว้ก็ตาม ผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องเฉลี่ยทรัพย์ได้ก่อนเสมอซึ่งมิได้ต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว
ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลย แต่จากสภาพทรัพย์จำนองเห็นได้ว่าหากขายทอดตลาดแล้วจะได้เงินไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่ผู้ร้อง ประกอบกับจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะบังคับชำระหนี้ได้ซึ่งถือว่าเป็นเหตุผลที่ผู้ร้องใช้อ้างมาในคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะบังคับชำระหนี้ได้อันเป็นการสนับสนุนคำร้องเพื่อให้มีความชัดแจ้งถึงวัตถุประสงค์แห่งความจำเป็นที่จะต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้เท่านั้น แม้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1381/2545 และ 666/2546 ผู้ร้องจะได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ขายทอดตลาดก็ตาม ผู้ร้องก็มีสิทธิเข้าเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดคดีนี้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 1,304,271.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้จนครบ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอให้ออกหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 30887 กรุงเทพมหานคร เพื่อนำออกขายทอดตลาด แต่ยังขายทอดตลาดไม่ได้ ต่อมาโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 11177 กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย ซึ่งติดจำนองบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีให้รอการขายไว้ก่อนจนกว่าการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองเสร็จสิ้นและได้เงินไม่พอชำระหนี้จึงค่อยนำออกขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้มีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 14862 กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในส่วนที่เหลือหลังจากที่โจทก์ได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองแล้ว และเข้าเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 11177 กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในส่วนที่เหลือหลังจากที่เจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองได้รับชำระหนี้จำนองแล้ว หากโจทก์ละเลยหรือเพิกเฉยไม่บังคับคดีเอากับที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย ให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิบังคับคดีแทนโจทก์ต่อไป
โจทก์ไม่คัดค้าน
จำเลยยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้ตามคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ส่งสำนวนคืนไปยังศาลชั้นต้นเพื่อมีคำสั่งใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่ และหากจำเลยคัดค้านคำสั่งใหม่ของศาลชั้นต้น ก็ให้ยกเว้นค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์แก่จำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 11177 กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในส่วนที่เหลือหลังจากชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ หากโจทก์ละเลยหรือเพิกเฉยไม่บังคับคดีเอากับที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย ให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิบังคับคดีแทนโจทก์ต่อไป คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดในส่วนที่เหลือหลังจากชำระหนี้จำนองให้แก่เจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองแล้ว ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ผู้ร้องมีสิทธิขอเข้าเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 11177 กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า คำสั่งขอให้เฉลี่ยทรัพย์จะมีขึ้นได้เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดแล้ว ผู้มีส่วนได้เสียจึงมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์ การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์เป็นคำสั่งที่มีขึ้นก่อนการประกาศขายทอดตลาดทรัพย์จำนองเป็นการพิจารณาคดีล่วงหน้าซึ่งกฎหมายมิได้ให้อำนาจไว้ และโจทก์หรือผู้ร้องขอยึดซ้ำเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 นั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 มิได้บัญญัติไว้ว่าศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้เฉลี่ยทรัพย์ได้จะต้องมีการประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ก่อน จึงแปลความได้ว่าแม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะมิได้มีคำสั่งประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายึดไว้ก็ตาม ผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องเฉลี่ยทรัพย์ได้ก่อนเสมอซึ่งมิได้ต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อทางไต่สวนได้ความว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลย แต่จากสภาพทรัพย์จำนองเห็นได้ว่าหากขายทอดตลาดแล้วจะได้เงินไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่ผู้ร้อง ประกอบกับจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะบังคับชำระหนี้ได้ซึ่งถือว่าเป็นเหตุผลที่ผู้ร้องใช้อ้างมาในคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะบังคับชำระหนี้ได้อันเป็นการสนับสนุนคำร้องเพื่อให้มีความชัดแจ้งถึงวัตถุประสงค์แห่งความจำเป็นที่จะต้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้เท่านั้น แม้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1381/2545 และ 666/2546 ผู้ร้องจะได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองไว้แล้วแต่ยังไม่ได้ขายทอดตลาดก็ตาม ผู้ร้องก็มีสิทธิเข้าเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 11177 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์จึงชอบด้วยกฎหมายซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share