คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1531/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเซ็นหนังสือมอบอำนาจที่ยังมิได้กรอกข้อความให้ไว้ในวันทำสัญญาค้ำประกัน พร้อมกับมอบโฉนดที่ดินของจำเลยให้ไว้เป็นประกันด้วยนั้น ย่อมแสดงว่าจำเลยยินยอมให้เอาที่ดินของจำเลยนั้นตราเป็นประกันชำระหนี้ได้ด้วย ฉะนั้น หากมีการกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจให้ทำจำนองแม้จะกระทำภายหลัง ก็ถือได้ว่าข้อความนั้นตรงตามความประสงค์ของจำเลยแล้ว แต่ทั้งนี้การทำจำนองต้องกระทำเสียก่อนที่จำเลยเพิกถอนความประสงค์นั้น
การที่โจทก์นำหนังสือมอบอำนาจของจำเลยมากรอกข้อความขึ้นในภายหลังแล้วนำไปทำจำนองนั้น เมื่อกระทำหลังจากที่จำเลยขอถอนการค้ำประกันและขอคืนโฉนดแล้วจึงหาใช่ความประสงค์ของจำเลยไม่ ฉะนั้น การจำนองที่กระทำขึ้นโดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยเพียงแต่ลงชื่อไว้ให้ แต่ไม่ประสงค์จะผูกพันต่อไปแล้ว จึงหาผูกมัดจำเลยไม่จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองดังกล่าวนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2493 โจทก์ทำสัญญาให้นายเทียนอังสนันท์ ทำหน้าที่คอมปราโดร์ และเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2495 จำเลยทำสัญญาค้ำประกันในการที่นายเทียน อังสนันท์ เป็นคอมปราโดร์ว่า ถ้าโจทก์ได้รับความเสียหายในการที่นายเทียน อังสนันท์ เป็นคอมปราโดร์ของโจทก์ จำเลยยอมรับผิดภายในวงเงินไม่เกิน 1,000,000 บาทตลอดไป เท่าที่นายเทียน อังสนันท์ยังต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาคอมปราโดร์ ต่อมาวันที่ 10 เมษายน 2505จำเลยได้นำที่ดินโฉนดที่ 3568 ตำบลตลาดพลู (บางยี่เรือ) อำเภอธนบุรี(บางกอกใหญ่) นครหลวงกรุงเทพธนบุรี (จังหวัดธนบุรี) พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างจำนองแก่โจทก์เป็นประกันสัญญาคอมปราโดร์ที่นายเทียน อังสนันท์ ทำไว้กับโจทก์ และเป็นหนี้โจทก์อยู่ในเวลาทำสัญญาจำนอง หรือในเวลาต่อไปภายหน้าเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 1,000,000 บาท กับค่าอุปกรณ์เช่นดอกเบี้ย ถ้าบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ จำเลยยอมรับผิดชดใช้ส่วนที่ยังขาดอยู่จนครบในการทำหน้าที่คอมปราโดร์นายเทียน อังสนันท์ ต้องรับผิดต่อโจทก์ในหนี้ 4รายการ ต่อมานายเทียน อังสนันท์ถึงแก่กรรม โจทก์ได้ฟ้องผู้จัดการมรดกของนายเทียน อังสนันท์ ให้รับผิดในหนี้ดังกล่าว ศาลได้พิพากษาให้ผู้จัดการมรดกรับผิดเป็นจำนวนเงิน 6,291,658 บาท 96 สตางค์ โจทก์มอบให้ทนายมีหนังสือทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยให้ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนอง1,000,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย ถ้าจำเลยไม่ไถ่จำนองก็ ขอให้ยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จำนองขายทอดตลาด

จำเลยให้การว่า ได้ทำสัญญาค้ำประกันไว้จริง แต่มีเจตนาค้ำประกัน เฉพาะความเสียหายที่โจทก์ได้รับเนื่องจากการที่นายเทียน อังสนันท์ คอมปราโดร์ของโจทก์สั่งจ่ายเงินภายในวงเงิน 1,000,000 บาท จำเลยได้มอบโฉนดที่ 3568 ตามฟ้องพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างไว้เป็นประกันต่อโจทก์ โจทก์ได้ให้จำเลยเซ็นชื่อในหนังสือมอบอำนาจไว้โดยยังมิได้กรอกข้อความ จำเลยไม่เคยทำสัญญาและไม่มีเจตนาที่จะทำสัญญารับผิดแทนนายเทียน อังสนันท์ ในการที่นายเทียน อังสนันท์ ไปทำสัญญาค้ำประกันบุคคลภายนอกที่กู้เงินโจทก์ นายเทียนไม่ได้สั่งจ่ายเงินของธนาคารโจทก์อันเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเลย เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม2501 นายเทียน อังสนันท์ ได้ลาออกจากการเป็นคอมปราโดร์ของโจทก์ ต่อมาใน พ.ศ. 2502 จำเลยได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาค้ำประกัน โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทราบว่าได้รับทราบแล้ว แต่อ้างว่าจำเลยยังมีความผูกพันอยู่กับโจทก์ซึ่งแสดงว่าโจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องต่อจำเลยแล้ว โจทก์มาฟ้องคดีเมื่อวันที่ 20เมษายน 2515 จึงขาดอายุความ โจทก์มิได้บรรยายเกี่ยวกับหนี้โดยชัดแจ้งจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม โจทก์นำหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยลงชื่อไว้ไปกรอกข้อความทำจำนองเอง โดยจำเลยมิได้ประสงค์เช่นนั้น สัญญาจำนองเป็นโมฆะ โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 10,000,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ถ้าไม่ชำระให้เอาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จำนองขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยชำระหนี้จนครบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยต้องรับผิดตามสัญญาจำนองเพียงใดหรือไม่ว่า การที่จำเลยเซ็นหนังสือมอบอำนาจที่ยังมิได้กรอกข้อความให้ไว้ในวันทำสัญญาค้ำประกัน พร้อมกับมอบโฉนดที่ดินของจำเลยให้ไว้เป็นประกันด้วยนั้น ย่อมแสดงว่าจำเลยยินยอมให้เอาที่ดินของจำเลยนั้นตราเป็นประกันการชำระหนี้ได้ด้วย ฉะนั้น หากมีการกรอกข้อความในหนังสือมอบอำนาจให้ทำจำนอง แม้จะกระทำภายหลังก็ถือได้ว่าข้อความนั้นตรงตามความประสงค์ของจำเลยแล้ว แต่ทั้งนี้การจำนองนั้นต้องกระทำเสียก่อนที่จำเลยจะเพิกถอนความประสงค์นั้น ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่าจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่านายเทียน อังสนันท์ ได้ลาออกจากหน้าที่คอมปราโดร์ ตั้งแต่วันที่ 25กรกฎาคม 2501 แล้ว จำเลยถือว่าความผูกพันใด ๆ ที่จำเลยค้ำประกันนายเทียนในตำแหน่งคอมปราโดร์เป็นอันระงับไปด้วย จำเลยจึงขอให้โจทก์ถอนการค้ำประกันและคืนโฉนดให้จำเลย (เอกสารหมาย ล.4) และโจทก์ก็ทราบแล้วตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2502 ตามเอกสารหมาย ล.2 ดังนั้นแสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะให้มีการผูกพันใด ๆ เกี่ยวกับโฉนดที่ดินของจำเลยที่ให้โจทก์ยึดถือไว้อีกต่อไป การที่โจทก์นำหนังสือมอบอำนาจของจำเลยมากรอกข้อความขึ้นในภายหลังแล้วนำไปทำจำนองนั้น เมื่อการกระทำหลังจากที่จำเลยขอถอนการค้ำประกันและขอคืนโฉนดแล้ว จึงหาใช่ความประสงค์ของจำเลยไม่ จริงอยู่แม้โจทก์จะถือว่าความผูกพันของจำเลยยังอยู่ตามเดิม แต่ความผูกพันนั้นก็จะมีอยู่เฉพาะที่เป็นความผูกพันตามสัญญาค้ำประกันที่มีอยู่เดิมก่อนจำเลยขอเพิกถอนเท่านั้น โจทก์จะก่อความผูกพันให้จำเลยรับผิดนอกเหนือไปจากความรับผิดเดิมหาได้ไม่ เว้นแต่จำเลยจะยินยอมฉะนั้น การจำนองที่กระทำใน พ.ศ. 2505 โดยอาศัยหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยเพียงแต่ลงชื่อไว้ให้แต่ไม่ประสงค์จะผูกพันต่อไปแล้ว จึงหาผูกมัดจำเลยไม่ จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาจำนองดังกล่าวนั้น

พิพากษายืน

Share