คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาซื้อขายบ้านมีข้อความว่า โจทก์จำเลยตกลงซื้อขายบ้านพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ผู้ซื้อชำระราคาให้ผู้ขายตามจำนวนที่ตกลงครบถ้วนแล้วในวันทำสัญญาได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ ดังนี้ สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด ไม่มีข้อความใดที่จะแสดงให้เห็นว่าเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายซึ่งคู่กรณีจะต้องปฏิบัติกันต่อไปอีก เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 โจทก์จะอ้างโมฆะกรรมมาเป็นมูลฟ้องร้องไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงขายบ้านให้โจทก์ในราคา 10,000 บาท โจทก์ชำระราคาให้จำเลยแล้ว จำเลยตกลงด้วยวาจาว่าจะออกจากบ้านและส่งมอบบ้านให้โจทก์ ภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2518 ครบกำหนดจำเลยไม่ปฏิบัติโจทก์เสียหาย ขอให้ศาลบังคับ

จำเลยให้การว่าไม่เคยขายบ้านและรับเงินค่าบ้านจากโจทก์ สัญญาซื้อขายหากมีก็เป็นสัญญาปลอม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยย้ายออกจากบ้านพิพาทและโอนส่งมอบบ้านให้โจทก์ หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด เมื่อไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาที่โจทก์นำมาเป็นมูลฟ้อง มีข้อความเป็นใจความสำคัญว่า โจทก์จำเลยตกลงขายบ้านพร้อมทั้งสิ่งก่อสร้างทั้งหมดเป็นเงิน10,000 บาท ผู้ซื้อได้ชำระราคาให้ผู้ขายตามจำนวนที่ได้ตกลงครบถ้วนแล้วแต่วันที่ทำสัญญา ได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ดังนี้ เห็นว่าสัญญานี้เป็นสัญญาซื้อขายบ้านพิพาทกันเสร็จเด็ดขาด ไม่มีข้อความในสัญญาที่จะแสดงให้เห็นว่าเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ซึ่งคู่กรณีจะต้องปฏิบัติต่อไปอีก เมื่อสัญญาไม่จดทะเบียนไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 โจทก์จะอ้างเอาโมฆะกรรมมาเป็นมูลฟ้องร้องไม่ได้

พิพากษายืน

Share