คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยมาพูดหลอกลวงโจทก์โดยเจตนาทุจริตขอเอาหนังสือสัญญาขายฝากไปโดยหลอกลวงว่าจะเอาไปรักษาไว้ให้เพื่อความปลอดภัยในการสูญหาย เมื่อถึงกำหนดไถ่ถอนจะคืนให้และจะมาบอกให้ไปไถ่นั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งความตามใน ม.341 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เพราะถ้อยคำของจำเลยดังที่โจทก์ระบุมาในฟ้องนั้นเป็นแต่เพียงมีความหมายว่าจะเอาไปเก็บไว้ให้เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นความจริงดังโจทก์กล่าวหา ก็เอาผิดแก่จำเลยตามฟ้องไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2502)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมาพูดหลอกลวงโจทก์โดยเจตนาทุจริตขอเอาหนังสือสัญญาขายฝากไปโดยหลอกลวงว่าจะเอาไปรักษาไว้ให้เพื่อความปลอดภัยในการสูญหาย เมื่อถึงกำหนดไถ่ถอนจะคืนให้และจะมาบอกให้ไปไถ่ โจทก์หลงเชื่อจึงมอบสัญญาขายฝากให้ไป ต่อมาโจทก์ไปถามจำเลยถึงเรื่องวันกำหนดไถ่ถอน จำเลยบอกว่ายังไม่ครบกำหนดไถ่ แท้ที่จริงพ้นกำหนดไถ่ถอนแล้ว โจทก์ขอไปขอไถ่อน จำเลยไม่ยอมให้ไถ่ โจทก์จึงรู้ว่าจำเลยฉ้อโกง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๓๔๑
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทำผิดตามฟ้องพิพากษาจำคุก ๓ เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.๓๔๑
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณ์ว่า รูปคดียังไม่พอลงโทษจำเลย พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่าฟ้องโจทก์ตามที่บรรยายว่า จำเลยมาพูดหลอกลวงโจทก์โดยเจตนาทุจริตขอเอาหนังสือสัญญาขายฝากไปโดยหลอกลวงว่าจะเอาไปรักษาไว้ให้เพื่อความปลอดภัยในการสูญหาย เมื่อถึงกำหนดไถ่ถอนจะคืนให้และจะมาบอให้ไปไถ่นั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งตามความในมาตรา ๓๔๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญาเพราะถ้อยคำของจำเลยดังที่โจทก์ระบุมาในฟ้องนั้น เป็นแต่เพียงมีความหมายว่าจะเอาไปเก็บไว้ให้เท่านั้น ถึงแม้จะเป็นความจริงดังโจทก์กล่าวหา ก็เอาผิดแก่จำเลยตามโจทก์ฟ้องไม่ได้
พิพากษายืนตามผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ยกฟ้อง

Share