คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2549

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ข้ออ้างตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ที่ว่าทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีนำออกขายทอดตลาดมิใช่ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดมา ขอให้ศาลมีคำสั่งงดการขายทอดตลาดไว้ก่อนเพื่อให้จำเลยที่ 1 ไปดำเนินการเรื่องนี้ทางกฎหมาย ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวถือว่าเป็นข้อโต้แย้งในชั้นบังคับคดีเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะนำออกขายทอดตลาดว่าเป็นทรัพย์สินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดมาหรือไม่ ซึ่งจำต้องมีคำวินิจฉัยของศาลก่อนที่การบังคับคดีจะได้ดำเนินไปได้โดยครบถ้วนและถูกต้อง ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 ให้สิ้นกระแสความเสียก่อนแล้วมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำร้องของจำเลยที่ 1 ประกอบรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ชั่วคราวโดยมิได้ทำการไต่สวนคำร้อง จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 1,664,007 บาท จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสอง และนำออกขายทอดตลาด ในการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทคือ เข็มติดเสื้อทำจากวัสดุคล้ายทองและคล้ายเพชร มีผู้เสนอราคาสูงสุด 2,000 บาท ผู้แทนโจทก์คัดค้านราคา เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงงดการขายและใช้วัสดุห่อทรัพย์ดังกล่าวไว้โดยให้โจทก์และจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อกำกับบนห่อวัสดุดังกล่าว จำเลยที่ 1 ได้ทักท้วงว่าไม่มีลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 บนห่อวัสดุทรัพย์ที่ยึดมา เจ้าพนักงานบังคับคดีนัดโจทก์และจำเลยที่ 1 มาตรวจสอบทรัพย์ที่ยึดดังกล่าว จำเลยที่ 1 ตรวจดูทรัพย์ที่ยึดดังกล่าวแล้วทักท้วงว่าไม่ใช่ทรัพย์ที่ยึดมา แต่ผู้แทนโจทก์ยืนยันว่าเป็นทรัพย์ที่ยึดและอยู่ในความครอบครองของเจ้าพนักงานบังคับคดี
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า เข็มติดเสื้อทำจากวัสดุคล้ายทองรูปหัวใจตรงกลางติดวัสดุคล้ายเพชร จำนวน 1 ชิ้น และเข็มติดเสื้อทำจากวัสดุคล้ายทองรูปร่างคล้ายดอกไม้ตรงกลางติดวัสดุคล้ายเพชร จำนวน 5 ชิ้น ไม่ใช่ทรัพย์ที่ยึด ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายทอดตลาดไว้ก่อนเพื่อจำเลยที่ 1 จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนแล้วต่อมาเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดการไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ชั่วคราว เพื่อให้จำเลยที่ 1 ไปดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 และงดการบังคับคดีไว้ชั่วคราวเพื่อให้จำเลยที่ 1 ไปดำเนินการตามกฎหมายนั้นชอบด้วยกฎหมายแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวก่อน เป็นการไม่ชอบนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ข้ออ้างตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ที่ว่า เข็มติดเสื้อทำจากวัสดุคล้ายทองรูปหัวใจตรงกลางติดวัสดุคล้ายเพชร กับเข็มติดเสื้อทำจากวัสดุคล้ายทองรูปร่างคล้ายดอกไม้ตรงกลางติดวัสดุคล้ายเพชร รวม 6 ชิ้น ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำออกขายทอดตลาดมิใช่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดมา ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการขายทอดตลาดไว้ก่อนเพื่อจำเลยที่ 1 จะได้ดำเนินการเรื่องนี้ทางกฎหมายต่อไป ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวถือว่าเป็นข้อโต้แย้งในชั้นบังคับคดีเกี่ยวด้วยทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะนำออกขายทอดตลาดว่าเป็นทรัพย์สินที่โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดมาหรือไม่ ซึ่งจำต้องมีคำวินิจฉัยของศาลก่อนที่การบังคับคดีจะได้ดำเนินไปได้โดยครบถ้วนและถูกต้อง กรณีเช่นนี้ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 ให้สิ้นกระแสความแล้วมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินดังกล่าวจะได้ดำเนินการต่อไปได้ การที่ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำร้องของจำเลยที่ 1 ประกอบรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ แล้วมีคำสั่งว่าเมื่อจำเลยที่ 1 โต้แย้งว่าทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำการขายไม่ใช่ทรัพย์ที่ยึดไว้ กรณีมีเหตุให้งดการบังคับคดีไว้ชั่วคราวสำหรับทรัพย์สินเช่นว่านั้นเพื่อให้จำเลยที่ 1 ไปดำเนินการทางกฎหมายต่อไปตามที่จำเลยที่ 1 ร้องขอ หากระยะเวลาล่วงเลยไปพอสมควรแล้ว จำเลยที่ 1 ได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง หรือมิได้ดำเนินการอย่างไร ให้โจทก์และจำเลยที่ 1 แถลงเข้ามาในคดีนี้ คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงมีผลเป็นคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวโดยมิได้ทำการไต่สวนคำร้องให้สิ้นกระแสความก่อน ทั้ง ๆ ที่ปรากฏจากรายงานข้อเท็จจริงของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ส่งต่อศาลดังกล่าวว่า ผู้แทนโจทก์ได้แถลงยืนยันว่าทรัพย์สินที่ดำเนินการขายทอดตลาดเป็นทรัพย์สินที่ยึดไว้ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ทำให้โจทก์เสียหายนั้น เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวทำให้การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินดังกล่าวของโจทก์เนิ่นช้าไปย่อมเห็นได้ชัดว่าเป็นที่เสียหายแก่โจทก์แล้ว ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่า จำเลยที่ 1 ได้ฟ้องกรมบังคับคดีข้อหา ละเมิด เรียกค่าเสียหาย และคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์นั้น ก็เป็นเรื่องระหว่างจำเลยที่ 1 กับกรมบังคับคดีไม่เกี่ยวกับสิทธิบังคับคดีของโจทก์ในคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share