แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีพิพาทกันเรื่องที่ดิน โจทก์บรรยายฟ้องระบุเนื้อที่อาณาเขตกว้างยาวไว้ชัดเจน แต่ลงเลขโฉนดผิดโดยเข้าใจผิดต่อมาโจทก์จึงขอแก้ที่โฉนดใหม่ ดังนี้เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อย ที่ดินที่พิพาทไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วย จึงมิใช่เป็นการฟ้องใหม่หรือตั้งประเด็นใหม่
โจทก์เพิ่งทราบข้อผิดพลาดนี้ในวันชี้สองสถาน จึงขอแก้ฟ้องได้หลังจากวันชี้สองสถาน
สัญญาซื้อขายที่ดินที่ระบุเลขโฉนดและเนื้อที่ดิน พร้อมทั้งลักษณะเขตที่ ๆ จะแบ่งขายไว้ด้วย แต่ปรากฎว่าโฉนดเลขที่นั้นมีเนื้อที่ไม่ตรงกับในสัญญา สัญญานั้นจึงมีข้อความกำกวมไม่ชัดเจน โจทก์ย่อมนำสืบเพื่แปลความหมายของเอกสาร ไม่ใช่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า จำเลยตกลงจะแบ่งขายนาโฉนดที่ ๑๕๖๑ อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ ๔๐ ไร่ ให้โจทก์เป็นเนื้อที่ ๓๐ ไร่นับแต่ขายไผ่ด้านเหนือกว้าง ๑ เส้นยาวไปทางทิศใต้ ๓๐ เส้นเป็นเงิน ๒๕,๐๐๐ บาท จำเลยได้รับมัดจำไปจากโจทก์ ๖,๐๐๐ บาทแล้วสัญญาจะไปโอนกรรมสิทธิกันภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๔๙๔ จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา จึงขอให้บังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า ทำสัญญาไปโดยสำคัญผิด ความจริงจำเลยตกลงกู้เงินโจทก์ ๖,๐๐๐ บาท เอาโฉนดที่ ๑๕๖๑ เป็นประกัน จำเลยพิมพ์ลายมือโดยผู้เขียนไม่ได้อ่านข้อความให้ฟัง เมื่อทราบว่าเป็นสัญญามัดจำจึงบอกเลิกสัญญาและคืนมัดจำ แต่โจทก์ไม่รับ
ในวันชี้สองสถานจำเลยนำโฉนดเลขที่ ๑๕๑๖มาให้โจทก์ดูและแถลงว่ายินดีจะขายที่ตามโฉนดนี้ให้ตามสัญญา โจทก์ดูแล้วไม่ตกลงซื้อเพราะที่ดินในโฉนดนี้มีเพียง ๒๘ ไร่เศษเท่านั้น โจทก์เพิ่งทราบว่าเจตนาของโจทก์มิใช่ตกลงซื้อที่ดินตามโฉนดนี้ จำเลยมีที่ดินอีกแห่งหนึ่ง เนื้อที่ ๔๐ ไร่โจทก์จะขอแก้ฟ้องต่อไป ต่อมาโจทก์ได้ขอแก้ฟ้องว่าที่ดินที่ตกลงซื้อคือโฉนดเลขที่ ๑๕๖๓ จำเลยคัดค้านที่โจทก์ขอแก้ฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้แก้ จำเลยให้การแก้ฟ้องเพิ่มเติมว่า ไม่เคยขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๕๖๓ ให้โจทก์ คำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์ ไม่บรรยายาเหตุที่ลงเป็นโฉนดเลขที่ ๑๕๖๑ จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม เป็นการฟ้องให้ประเด็นใหม่ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยขายที่ดินให้ตามที่โจทก์ฟ้องขอให้บังคับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าข้อกฎหมายว่า
(๑) ที่จำเลยฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์แก้เลขที่โฉนดมาใหม่เท่ากับ เป็นการยื่นฟ้องใหม่ ตั้งประเด็นใหม่และการฟ้องเพิ่มเติมนี้ อาจขอแก้ได้ก่อนวันชี้สองสถานนั้น เห็นว่าเป็นเพียงขอแก้ข้อผิดพลาดหรือผิดหลงเล็กน้อยเกี่ยวกับเลขที่โฉนดเท่านั้น เพราะฟ้องโจทก์บรรยายเนื้อที่กว้างยาวชัดเจนแล้ว การแก้ไม่เปลี่ยนแปลงถึงที่ดินตามฟ้องเดิม การขอแก้ก็ปรากฎว่าโจทก์เพิ่งทราบความผิดพลาดผิดหลวงในวันชี้สองสถานนั้นเอง จึงไม่มีเหตุอะไรที่จะไม่อนุญาต
(๒) ที่ว่าฟ้องเพิ่มเติมของโจทก์ขัดกับ ป.วิ.แพ่ง ม.๑๗๒ นั้น เห็นว่าโจทก์ระบุเหตุชัดแจ้งเพียงพอแล้วทั้งฟ้องเดิมของโจทก์ก็สมบูรณ์ เพียงแก้เลขที่โฉนดให้ถูกต้องหาทำให้ฟ้องกลายเป็นไม่ถูกต้องไปได้ไม่
(๓) ที่ว่าสัญญาจะซื้อขายระบุว่าที่ดินโฉนดที่ ๑๕๑๖ แต่โจทก์สืบว่าตกลงซื้อโฉนดที่ ๑๕๖๓ เป็นการนำสืบแก้ไขเอกสารนั้น เห็นว่าในสัญญาระบุอาณณาเขตกว้างยาวและเนื้อที่ไว้ด้วย แสดงให้เห็นเจตนาของผู้ซื้อมุ่งถึงที่ดินเนื้อที่ ๔๐ ไร่ หาใช่มุ่งถึงที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๕๑๖ เท่านั้นไม่ เมื่อปรากฎว่าเลขที่โฉนดและเนื้อที่ไม่ตรงกัน ข้อความในสัญญา จึงกำกวมไม่ชัดเจน โจทก์จึงนำสืบถึงเจตนาที่แท้จริงเพื่อแปลความหมายของเอกสารนั้นได้
ส่วนฎีกาข้อเท็จจริงอื่น ๆ นั้นเห็นว่าฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน