คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1520/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 รับประกันภัยรถยนต์ไว้จาก ว. โดยจำเลยที่ 1ยอมรับผิดต่อบุคคลภายนอกแทน ว. ในนามของผู้เอาประกันภัยซึ่งจะต้องรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก จึงเป็นการประกันภัยค้ำจุนตาม ป.พ.พ. มาตรา 887 วรรคหนึ่ง ว. เอาประกันภัยรถยนต์คันที่ชนโจทก์ไว้กับจำเลยที่ 1 ไม่ใช่จำเลยที่ 2 เป็นผู้เอาประกัน ไม่ปรากฏว่า ส. ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 หรือของ ว. กับไม่ปรากฏว่าว. มีส่วนจะต้องรับผิดชอบในวินาศภัยที่เกิดกับโจทก์ด้วยหรือไม่เมื่อ ว. ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบในผลแห่งการละเมิดที่ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์แล้ว จำเลยที่ 1 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-5424สระบุรี ซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครอง เมื่อวันที่2 ธันวาคม 2527 นายสุริยา ศรพันธุ์ ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2ด้วยความประมาทเลินเล่อชนโจทก์และนางตุ๊ คุ้มสุวรรณ เป็นเหตุให้นางตุ๊ตายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้จำเลยร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-5424 สระบุรี ไว้จากจำเลยที่ 1 แต่ได้รับประกันภัยไว้จากผู้อื่นในประเภทประกันภัยค้ำจุน จำเลยที่ 2ไม่ใช่เจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวและมิได้นำรถคันดังกล่าวเอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 1 นายสุริยามิได้ขับมาโดยประมาทจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิด โจทก์มิได้เสียหายตามฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน500,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์โดยให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 จำนวน 50,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงฟังได้โดยคู่ความไม่ได้โต้แย้งกันว่า จำเลยที่ 1 ได้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-5424 สระบุรี ไว้จากนายวิทยาตามข้อตกลงในสัญญาเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งจำเลยที่ 1 ยอมรับผิดต่อบุคคลภายนอกแทนนายวิทยา ในนามของผู้เอาประกันภัยซึ่งจะต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอกจึงเป็นการประกันภัยค้ำจุนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 887 วรรคหนึ่ง จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของนายวิทยาผู้เอาประกันภัยก็ต่อเมื่อนายวิทยาต้องรับผิดต่อโจทก์ เมื่อได้ความว่านายวิทยาเป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันที่เกิดเหตุชนโจทก์ไว้กับจำเลยที่ 1 ไม่ใช่จำเลยที่ 2 เป็นผู้เอาประกันภัย ส่วนนายสุริยา ศรพันธ์ ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุชนโจทก์จะเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2หรือไม่ยังไม่ปรากฏ และก็ไม่ปรากฏว่านายสุริยาเป็นลูกจ้างของนายวิทยาด้วยหรือไม่ และนายวิทยามีส่วนจะต้องรับผิดร่วมในวินาศภัยที่เกิดแก่โจทก์ด้วยหรือไม่ เมื่อนายวิทยาผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบในผลแห่งการละเมิดที่ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์แล้ว จำเลยที่ 1 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์…”
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share