แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถูก ส. ผู้เสียหายคนหนึ่งด่า จำเลยจึงกลับไปพาพวกมายังที่กลุ่มผู้เสียหายนั่งอยู่และตะโกนถามหาผู้ด่าจำเลย ส. และพวกอีกคนหนึ่งจะเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยชักอาวุธปืนที่พกติดตัวออกมาจ้องสาดไปยังกลุ่มผู้เสียหาย ส.ซึ่งอยู่ห่างจำเลยประมาณ 2 เมตร ใช้เหล็กฉากขว้างจำเลยแต่ไม่ถูก ขณะนั้นพวกของส. พากันวิ่งหนีเอาตัวรอด จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงในลักษณะกราดไปมาป้องกันไม่ให้ใครเข้าหาจำเลยและไม่ให้ส. กับพวกขว้างปาจำเลยอีก เช่นนี้ เหตุที่เกิดเพราะ ส. ไปด่าจำเลยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ถึงกับจะเป็นสาเหตุให้จำเลยคิดฆ่าพวกผู้เสียหาย การที่จำเลยเอาอาวุธปืนจ้องไปทางกลุ่มผู้เสียหายก็เพื่อแสดงอำนาจให้พวกผู้เสียหายเกรงกลัว และที่จำเลยยิงก็เป็นการตอบโต้ที่ถูกฝ่ายผู้เสียหายด่าและป้องกันไม่ให้ ส. กับพวกขว้างปาจำเลยอีก ขณะที่ยิง จำเลยก็อยู่ห่าง ส. ประมาณ 2 เมตร และห่างกลุ่มผู้เสียหายประมาณ 4 เมตร เท่านั้น กระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกเพียงนิ้วเท้าของ ส. ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยยิงไปยังกลุ่มผู้เสียหายหรือในทิศทางที่กลุ่มผู้เสียหายวิ่งหนี พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือพวกของผู้เสียหาย จำเลยคงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีและพกอาวุธปืนสั้นโดยฝ่าฝืนกฎหมาย แล้วใช้ยิงพยายามฆ่านายสมศักดิ์ บรรเทาทุกข์ ผู้เสียหายและพวกอีก ๔ คน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓, ๙๑, ๓๗๑ และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ จำเลยอายุ ๑๕ ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งและมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม จำคุกรวม ๓ กระทง มีกำหนด ๔ ปี ๔ เดือน ริบหัวกระสุนเปืนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ลดมาตราส่วนกึ่งหนึ่ง จำคุก ๑ ปี และปรับ ๒,๐๐๐ บาท รวมกับโทษความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เป็นจำคุก ๒ ปี และปรับ ๒,๐๐๐ บาท โทษจำคุกรอไว้ ๒ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ ๒๐ นาฬิกา ขณะที่นายสมศักดิ์ กับพวกอีก ๔ คน ผู้เสียหาย นั่งดื่มสุรากันอยู่ที่ร้านค้ากลางซอยที่เกิดเหตุ จำเลยได้พาอาวุธปืนสั้นซึ่งจำเลยมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เดินเข้ามายังที่พวกผู้เสียหายนั่งอยู่ แล้วใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงประมาณ ๕-๖ นัด กระสุนปืนถูกปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางเท้าขวาของนายสมศักดิ์ผู้เสียหาย สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ววินิจฉัยปัญหาที่จำเลยยิงปืนดังกล่าวนั้น จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ ว่า
ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของนายสมควร สุภาพ ผู้เสียหายซึ่งพยานโจทก์ว่า ผู้เสียหายกับพวกรวม ๔ คน เดินเข้ามาหากลุ่มผู้เสียหาย ห่างกันประมาณ ๔ เมตร จำเลยตะโกนว่า ใครด่ากูวะ นายประณตและนายสมศักดิ์ ผู้เสียหายจะเดินเข้าไปหาจำเลย แต่จำเลยชักปืนจากด้านหลังจ้องสาดไปยังกลุ่มผู้เสียหาย พวกผู้เสียหายพากันวิ่งหนีเอาตัวรอด จำเลยยิงปืนลักษณะกราดไปมาป้องกันไม่ให้ใครเข้าหาจำเลย และขณะที่จำเลยชักปืนออกมานั้นนายสมศักดิ์ ผู้เสียหายซึ่งอยู่ห่างจำเลยประมาณ ๒ เมตร ได้ใช้เหล็กฉากขว้างจำเลย แต่ไม่ถูก จำเลยจึงได้ยิงเพื่อป้องกันไม่ให้นายสมศักดิ์กับพวกขว้างปาจำเลยอีก เห็นว่า เหตุที่จะเกิดเป็นคดีนี้มาจากนายสมศักดิ์ผู้เสียหายคนหนึ่งไปด่าจำเลยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่เพียงพอที่จะเป็นสาเหตุให้จำเลยถึงกับจะคิดฆ่าพวกผู้เสียหาย การที่จำเลยเอาปืนมาจ้องไปทางกลุ่มผู้เสียหายก็เพื่อแสดงอำนาจให้พวกผู้เสียหายเกรงกลัว เป็นการตอบโต้ที่ถูกฝ่ายผู้เสียหายด่าเท่านั้น และที่จำเลยยิงปืนขึ้นก็ได้ความว่าจำเลยถูกนายสมศักดิ์ผู้เสียหายใช้เหล็กฉากขว้างใส่ก่อน เมื่อพิจารณาถึงว่ากลุ่มผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลยประมาณ ๔ เมตร โดยเฉพาะนายสมศักดิ์อยู่ห่างจำเลยประมาณ ๒ เมตร แต่กระสุนปืนที่จำเลยยิงถูกที่นิ้วเท้าของนายสมศักดิ์ ประกอบกับคำเบิกความของนายสมควรพยานโจทก์ว่า จำเลยยิงเพื่อป้องกันไม่ให้นายสมศักดิ์ขว้างปาจำเลยอีก พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ที่โจทก์ฎีกาว่าจากการตรวจสถานที่เกิดเหตุของพนักงานสอบสวนพบรอยถูกกระสุนปืนที่โต๊ะอาหารและที่ฝาผนัง แสดงว่าจำเลยยกปืนยิงระดับเดียวกับพวกผู้เสียหายนั่ง จึงมีเจตนาฆ่า นั้นได้ความจากคำเบิกความของนายสมควร พยานโจทก์ว่า เมื่อจำเลยชักปืนข้องสาดไปยังกลุ่มผู้เสียหาย พวกผู้เสียหายพากันวิ่งหนีเอาตัวรอด ดังนั้นขณะที่จำเลยยิงปืนไปที่โต๊ะอาหาร พวกผู้เสียหายน่าจะออกจากโต๊ะนั้นไปแล้ว ส่วนรอยกระสุนปืนที่ฝาผนังนั้น ทางพิจารณาไม่ได้ความว่าอยู่ในระดับใดและในทิศทางเดียวกันกับที่พวกผู้เสียหายวิ่งไปหรือไม่ จะฟังว่าจำเลยยิงปืนโดยมีเจตนาฆ่าพวกผู้เสียหายทีเดียวหาได้ไม่เพราะรอยกระสุนปืนดังกล่าวอาจจะเกิดจากการยิงของจำเลยเพื่อแสดงอำนาจและข่มขู่พวกผู้เสียหายก็เป็นได้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย
พิพากษายืน