คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15145/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เมื่อสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดลงตามข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อเนื่องจากลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้คงมีสิทธิริบบรรดาเงินค่าเช่าซื้อที่ลูกหนี้ได้ชำระไปแล้ว และกลับเข้าครอบครองรถที่เช่าซื้อ โดยลูกหนี้มีหน้าที่ส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนแก่เจ้าหนี้ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้ดี หากไม่คืนเจ้าหนี้ย่อมได้รับความเสียหายเพราะขาดประโยชน์เนื่องจากไม่ได้รับรถที่เช่าซื้อคืน เจ้าหนี้ไม่อาจเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระค่าปรับเพราะเหตุที่ลูกหนี้ชำระค่าเช่าซื้อล่าช้าก่อนสัญญาเช่าซื้อเลิกกันได้อีก แต่เนื่องจากหนี้ที่เจ้าหนี้อาจขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้นั้น ต้องเป็นหนี้เงินซึ่งมูลแห่งหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94 การที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดโดยอ้างว่าเป็นค่าขาดราคารถ (ที่ถูก ค่าขาดประโยชน์) จึงเป็นการขอรับชำระหนี้ค่าเสียหายเพราะลูกหนี้ไม่ส่งมอบรถคืนแก่เจ้าหนี้อันถือได้ว่ามูลหนี้เกิดขึ้นภายหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามบทบัญญัติดังกล่าว สำหรับสิทธิของเจ้าหนี้ในการติดตามเอารถคืนจากลูกหนี้มิใช่หนี้เงินอันพึงขอรับชำระหนี้ได้ ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27 และมาตรา 91 ส่วนคำขอรับชำระหนี้กรณีหากคืนรถไม่ได้เจ้าหนี้เรียกร้องให้ลูกหนี้ชดใช้ราคาแทนเท่าจำนวนเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระตามสัญญาเช่าซื้อนั้น ก็เกิดขึ้นภายหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด มิใช่หนี้อันพึงขอรับชำระในคดีล้มละลายได้เช่นกัน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อและค่าปรับเป็นเงิน 378,811 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94 ในฐานะเจ้าหนี้ไม่มีประกัน
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้
ระหว่างสอบสวนเจ้าหนี้ขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ อ้างว่าได้รับชำระหนี้จากบุคคลภายนอกบางส่วน จึงขอรับชำระหนี้เพียง 105,266 บาท
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีความเห็นว่า เมื่อสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดลงนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เงื่อนไขข้อตกลงต่าง ๆ ในสัญญาย่อมระงับสิ้นไป เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ค่าปรับดังกล่าว จึงเห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 107 (1)
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงอันเป็นยุติในชั้นนี้ฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547 ลูกหนี้เช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน 1 คัน ไปจากเจ้าหนี้ในราคา 843,252.60 บาท โดยตกลงผ่อนชำระค่าเช่าซื้อแก่เจ้าหนี้เป็นรายเดือน เดือนละ 15,038 บาท เป็นเวลา 60 งวด ทุกวันที่ 4 ของทุกเดือนเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2547 หากชำระล่าช้ายอมเสียเบี้ยปรับแก่เจ้าหนี้ ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ ลูกหนี้ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่เจ้าหนี้แล้ว 35 งวด รวมเป็นเงิน 526,330 บาท จนถึงงวดที่ 37 ซึ่งครบกำหนดชำระวันที่ 8 มีนาคม 2550 ลูกหนี้ไม่ชำระ เจ้าหนี้จึงคิดค่าปรับเนื่องจากชำระค่าเช่าซื้อล่าช้าจากลูกหนี้เป็นเงิน 2,861 บาท ต่อมาลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2550 เจ้าหนี้จึงขอรับชำระหนี้เป็นค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ 375,950 บาท และค่าปรับเนื่องจากชำระค่าเช่าซื้อล่าช้า 2,861 บาท รวมเป็นเงิน 378,811 บาท ต่อมาเจ้าหนี้ขอแก้ไขคำขอรับชำระหนี้ คงขอรับชำระหนี้เพียง 105,266 บาท มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าหนี้ว่า เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้หรือไม่ เพียงใด เห็นว่า เมื่อสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดลงตามข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อเนื่องจากลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้คงมีสิทธิริบบรรดาเงินค่าเช่าซื้อที่ลูกหนี้ได้ชำระไปแล้ว และกลับเข้าครอบครองรถที่เช่าซื้อ โดยลูกหนี้มีหน้าที่ส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนแก่เจ้าหนี้ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้ดี หากไม่คืนเจ้าหนี้ย่อมได้รับความเสียหายเพราะขาดประโยชน์เนื่องจากไม่ได้รับรถที่เช่าซื้อคืน เจ้าหนี้ไม่อาจเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระค่าปรับเพราะเหตุที่ลูกหนี้ชำระค่าเช่าซื้อล่าช้าก่อนสัญญาเช่าซื้อเลิกกันได้อีก แต่เนื่องจากหนี้ที่เจ้าหนี้อาจขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้นั้น ต้องเป็นหนี้เงินซึ่งมูลแห่งหนี้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94 การที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดโดยอ้างว่าเป็นค่าขาดราคารถ (ที่ถูก ค่าขาดประโยชน์) จึงเป็นการขอรับชำระหนี้ค่าเสียหายเพราะลูกหนี้ไม่ส่งมอบรถคืนแก่เจ้าหนี้อันถือได้ว่ามูลหนี้เกิดขึ้นภายหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามบทบัญญัติดังกล่าว สำหรับสิทธิของเจ้าหนี้ในการติดตามเอารถคืนจากลูกหนี้มิใช่หนี้เงินอันพึงขอรับชำระหนี้ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27 และมาตรา 91 ส่วนคำขอรับชำระหนี้กรณีหากคืนรถไม่ได้เจ้าหนี้เรียกร้องให้ลูกหนี้ชดใช้ราคาแทนเท่าจำนวนเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระตามสัญญาเช่าซื้อนั้น ก็เกิดขึ้นภายหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด มิใช่หนี้อันพึงขอรับชำระในคดีล้มละลายได้เช่นกัน ที่เจ้าหนี้อุทธรณ์ว่า ภายหลังลูกหนี้ยื่นคำขอประนอมหนี้และศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ ลูกหนี้ยังคงผ่อนชำระหนี้ค่าเช่าซื้อให้แก่เจ้าหนี้เรื่อยมา ทำให้เจ้าหนี้ไม่อาจติดตามยึดรถที่เช่าซื้อคืนได้ เห็นว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ไม่เกี่ยวกับสิทธิในการได้รับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ ด้วยเหตุดังกล่าวเจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ ที่ศาลล้มละลายกลางยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบแล้ว อุทธรณ์ของเจ้าหนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share