คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1511/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอจัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าผู้ร้องไม่ได้เป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดก และทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องเป็นของผู้คัดค้าน ดังนี้ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาคดีโดยไต่สวนคำร้องเฉพาะประเด็นที่ว่าผู้ร้องเป็นทายาทผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกหรือไม่ ส่วนประเด็นที่ว่าทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องเป็นของผู้คัดค้านหรือไม่ ผู้ร้องหรือผู้คัดค้านต้องไปดำเนินคดีเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องฟ้องผู้คัดค้านในประเด็นที่ว่า ทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องเป็นของฝ่ายใดภายใน 1 เดือน เมื่อผู้ร้องไม่ฟ้องคดีภายในกำหนด แต่ได้อุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีหาได้ไม่ เพราะการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) หมายถึงการไม่ดำเนินคดีในคดีนั้น ๆ เอง และการฟ้องร้องคดีใด ๆ เป็นสิทธิของบุคคลที่จะกระทำได้ภายในอายุความ ทั้งผู้ร้องก็ยังติดใจดำเนินคดีนี้ไม่ได้ทิ้งฟ้องแต่อย่างใด

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสองเป็นภริยาและบุตรของพระครูเจริญ ผู้ตาย ผู้ตายมีทรัพย์มรดกตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้อง ขอให้ศาลตั้งผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิได้เป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องเป็นของผู้คัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันนัดสืบพยานผู้ร้องให้แยกคดีโดยให้ผู้ร้องฟ้องผู้คัดค้านภายในกำหนด ๑ เดือน เฉพาะประเด็นในชั้นชี้สองสถานที่ว่า ทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องหมายเลข ๓ เป็นมรดกของพระครูเจริญหรือของผู้คัดค้าน และให้งดการดำเนินคดีนี้ไว้ชั่วคราวเพื่อรอฟังผลคดีดังกล่าว
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง และไม่ได้ฟ้องผู้คัดค้านภายในกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของผู้ร้อง อ้างว่าต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ และมีคำสั่งว่าผู้ร้องทั้งสองทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดี ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานของผู้ร้องทั้งสองและพยานผู้คัดค้านให้เสร็จสิ้นกระแสความแล้วมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามรูปคดี
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้เป็นคดีที่ผู้ร้องทั้งสองร้องขอจัดการมรดกพระครูเจริญ เมื่อมีผู้คัดค้านตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘๘ (๔) ก็ต้องดำเนินคดีไปตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยคดีอันมีข้อพิพาทโดยผู้ร้องทั้งสองมีฐานะเป็นโจทก์ ผู้คัดค้านมีฐานะเป็นจำเลย ในคดีนี้นอกจากผู้คัดค้านได้คัดค้านว่าผู้ร้องทั้งสองไม่ได้เป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกพระครูเจริญแล้ว ยังได้คัดค้านว่าทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องหมายเลข ๓ เป็นทรัพย์สินของผู้คัดค้านอีกด้วย ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาคดีโดยไต่สวนคำร้องเฉพาะประเด็นในคำร้องขอจัดการมรดกว่า ผู้ร้องเป็นทายาทผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของพระครูเจริญหรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นว่า ทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องหมายเลข ๓ เป็นของผู้คัดค้านหรือไม่นั้น ชอบที่ผู้ร้องหรือผู้คัดค้านจะไปดำเนินคดีเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก แต่การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องดำเนินคดีฟ้องผู้คัดค้านภายใน ๑ เดือน เฉพาะประเด็นที่ว่า ทรัพย์สินตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องหมายเลข ๓ เป็นของฝ่ายใด เมื่อผู้ร้องไม่ฟ้องคดีภายในกำหนด แต่ได้อุทธรณ์คำสั่งลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๙ เท่านั้น ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีหาได้ไม่ เพราะกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๔ (๒) ที่บัญญัติว่า “โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้น…..” เพราะการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควร กำหนดนั้นหมายถึงการไม่ดำเนินคดีในคดีนั้น ๆ เอง และการฟ้องร้องคดีใด ๆ ก็ตาม เป็นสิทธิของบุคคลที่จะกระทำได้ภายในอายุความ ทั้งผู้ร้องทั้งสองยังติดใจดำนินคดีนี้ไม่ได้ทิ้งฟ้องแต่อย่างใด แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานของผู้ร้องและของผู้คัดค้านทั้งสองประเด็นนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานของผู้ร้องทั้งสองและของผู้คัดค้านเฉพาะประเด็นว่า ผู้ร้องทั้งสองเป็นทายาทผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของพระครูเจริญหรือไม่ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share