คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1510/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

คดีก่อนผู้คัดค้านฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยว่าบุกรุกเข้าไปในที่พิพาทที่เป็นของผู้คัดค้าน ผู้ร้องให้การว่าผู้ร้องได้ครอบครองปรปักษ์ที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ผู้ร้องยื่นคำร้องคดีนี้ขอให้ศาลสั่งว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ ดังนี้ประเด็นแห่งคดีเหมือนกันและคู่ความเดียวกัน ทั้งศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วจึงต้องห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์โฉนดเลขที่ 274 ตำบลลาดหลุมแก้ว อำเภอลาดหลุมแก้วจังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 14 ตารางวา ซึ่งเป็นของนางแฉล้ม เย็นใจ กับนางทองดี ผลพิบูลย์ โดยการครอบครอง ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง และให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดปทุมธานีจดทะเบียนแบ่งแยกให้ผู้ร้องด้วย
ผู้คัดค้านทั้งสองคัดค้านว่า ผู้คัดค้านทั้งสองได้ฟ้องขับไล่ผู้ร้องเป็นจำเลยและเรียกค่าเสียหายต่อศาลชั้นต้นตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 273/2526 หมายเลขแดงที่ 228/2527 ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ผู้ร้องไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ที่ดินพิพาทในคดีดังกล่าว ประเด็นข้อพิพาทก็เป็นอย่างเดียวกันว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองหรือไม่การที่ผู้ร้องมายื่นคำร้องคดีนี้ จึงเป็นฟ้องซ้อนหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
ภายหลังจากสืบพยานผู้ร้องได้ 1 ปาก ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานผู้ร้อง แล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาและคู่ความมิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่า ที่ดินพิพาทอยู่ในโฉนดที่ดินเลขที่ 274 ของผู้คัดค้านทั้งสอง เมื่อปี 2526 ผู้คัดค้านทั้งสองได้เป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่228/2527 ของศาลชั้นต้นว่าบุกรุกที่ดินพิพาท ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหายปีละ 10,800 บาท ผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวให้การต่อสู้คดีว่าผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินพิพาทมาจนได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่ผู้ร้องและให้ผู้ร้องใช้ค่าเสียหายปีละ 6,000 บาท แก่ผู้คัดค้านทั้งสอง ผู้ร้องอุทธรณ์ว่าได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองและศาลชั้นต้นกำหนดค่าเสียหายสูงเกินสมควร ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะค่าเสียหายเป็นเงิน 4,000 บาท ผู้ร้องยื่นฎีกา คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาว่า คำร้องของผู้ร้องเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำอันต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144 หรือไม่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144บัญญัติว่า เมื่อศาลใดมีคำพิพากษา หรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีหรือในประเด็นข้อใดแห่งคดีแล้ว ห้ามมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วนั้นข้อเท็จจริงเรื่องนี้มีว่า คดีก่อนผู้คัดค้านเป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยว่า ผู้คัดค้านเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่274 ตำบลลาดหลุมแก้ว อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ผู้ร้องได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินของผู้คัดค้านขอให้ขับไล่ผู้ร้องออกไปผู้ร้องให้การว่า ผู้ร้องได้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินดังกล่าวมากว่า30 ปีแล้ว ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ในคดีนี้ผู้ร้องมายื่นคำร้องว่าผู้ร้องครอบครองที่ดินบางส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ 274 ตำบลลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ของผู้คัดค้าน เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน14 วา ด้วยความสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา 22 ปีเศษแล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์โดยครอบครองปรปักษ์ ขอให้ศาลสั่งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ร้อง ประเด็นของคดีทั้งสองจึงมีว่า ผู้ร้องได้ครอบครองที่พิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 แล้วหรือไม่ เมื่อประเด็นแห่งคดีเหมือนกันและเป็นคู่ความเดียวกัน ทั้งศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้ว ย่อมต้องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำอีก ตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว…”
พิพากษายืน.

Share