คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15087/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมอบเมทแอมเฟตามีนให้ อ. นำไปจำหน่ายเป็นการส่งมอบระหว่างผู้กระทำผิดด้วยกันไม่ถือเป็นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้ อ. แต่การที่จำเลยมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ อ. เพื่อนำไปจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นไม่ใช่การมอบให้ในลักษณะเด็ดขาดแต่เป็นการมอบให้ในลักษณะที่จำเลยกับ อ. ยังคงร่วมกันครอบครองเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวอยู่ แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวมา แต่เมื่อพิจารณาได้ความเช่นนั้น จึงต้องถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องในรายละเอียด ทั้งจำเลยนำสืบอ้างฐานที่อยู่จึงไม่ได้หลงต่อสู้ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์ไม่ได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นพิจารณาเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 นับโทษของจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 563/2548 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ลงโทษจำคุก 6 ปี คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ได้ความจากนางสาวอุไรรัตน์เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า พยานถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2547 พร้อมเมทแอมเฟตามีน 15 เม็ด เมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวรับมาจากจำเลยซึ่งเป็นคนรักก่อนหน้านี้จำเลยเคยมอบเมทแอมเฟตามีนให้นำไปขายมาแล้วหลายครั้ง พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดกับนางสาวอุไรรัตน์ในคดีที่นางสาวอุไรรัตน์ถูกจับ โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ดังนั้น การที่จำเลยส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้นางสาวอุไรรัตน์นำไปจำหน่าย ถือว่าเป็นการส่งมอบระหว่างผู้กระทำผิดด้วยกันซึ่งไม่อยู่ในความหมายของการจำหน่ายยาเสพติดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 เนื่องจากตามบทบัญญัติดังกล่าวคำว่า “จำหน่าย” หมายถึง การจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ดังนี้ จึงไม่มีทางที่จะลงโทษจำเลยในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนได้ อย่างไรก็ตาม แม้ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบมาจะรับฟังลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนไม่ได้ก็ตาม แต่มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักรับฟังลงโทษจำเลยในความผิดฐานร่วมกับนางสาวอุไรรัตน์มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตได้หรือไม่ ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้โจทก์ไม่ได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นพิจารณาเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 เมื่อได้ความจากคำเบิกความของนางสาวอุไรรัตน์หรืออิศราหรืออ๋า ว่าคืนวันที่ 25 ตุลาคม 2547 พยานอยู่กับจำเลยที่โรงแรมในอำเภอมวกเหล็ก ต่อมาเช้าวันที่ 26 ตุลาคม 2547 จำเลยมอบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 15 เม็ด ให้พยานนำไปขายจนถูกจับกุม แม้คำเบิกความดังกล่าวของนางสาวอุไรรัตน์มีลักษณะเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกันก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่คำซัดทอดที่มีลักษณะเพื่อให้ตนพ้นผิด ทั้งคำเบิกความของพยานดังกล่าวยังมีข้อเท็จจริงตรงกับที่พยานให้การไว้ในชั้นสอบสวนตามเอกสารหมาย จ. 5 จึงมีน้ำหนักให้รับฟัง ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า วันที่ 24 ถึง 25 ตุลาคม 2547 จำเลยอยู่บ้านตลอดโดยมีนางรุ่งรวี มารดาจำเลยมาเบิกความสนับสนุนเพียงปากเดียวนั้น เห็นว่า นางรุ่งรวีเป็นมารดาของจำเลยมิใช่พยานคนกลาง ทั้งข้อต่อสู้ดังกล่าวยังขัดกับที่จำเลยให้การไว้ในชั้นสอบสวน จึงมีน้ำหนักให้รับฟังน้อยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้กับนางสาวอุไรรัตน์เพื่อนำไปจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งลักษณะของการมอบให้นั้นไม่ใช่การมอบให้ในลักษณะเด็ดขาด แต่เป็นการมอบเพื่อให้นำไปจำหน่ายในลักษณะที่จำเลยยังคงร่วมกับนางสาวอุไรรัตน์ครอบครองเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวอยู่ แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับนางสาวอุไรรัตน์ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เมื่อทางพิจารณาได้ความเช่นนั้นจึงต้องถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องเกี่ยวกับฐานความผิดอันเป็นข้อแตกต่างกันในรายละเอียดซึ่งมิใช่ข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยนำสืบอ้างฐานที่อยู่ ดังนั้นการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นางสาวอุไรรัตน์โดยไม่ได้รับอนุญาตจึงไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามที่พิจารณาได้ความได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้วินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบมารับฟังลงโทษจำเลยในความผิดฐานอื่นได้หรือไม่นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง จำคุก 5 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share