คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1506/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บันทึกคำให้การและภาพถ่ายนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพชั้นสอบสวนโดยมีพนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความว่า ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเช่นเดียวกับจำเลยอื่น การที่จำเลยที่ 3 นำสืบว่าถูกบังคับให้ให้การรับสารภาพ นั้น เมื่อโจทก์นำพนักงานสอบสวนเข้าเบิกความ จำเลยที่ 3 หาได้ถามด้านถึงความข้อนี้ไม่ กลับอ้างว่าตัวเองนำสืบภายหลังจึงไม่มีน้ำหนัก เชื่อว่าจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจจึงเป็นหลักฐานประกอบคำเบิกความของ น. และ ว. พยานแวดล้อมซึ่งล้วนแต่เห็นเหตุการณ์ใกล้ชิดกับกรณีที่เกิดขึ้นพยานโจทก์จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมเป็นคนร้ายกระทำผิดตามฟ้อง สำหรับจำเลยที่ 4 โจทก์คงมีแต่คำให้การรับสารภาพของ จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นพยานบอกเล่า และจำเลยที่ 4 ก็ได้นำสืบปฏิเสธในชั้นพิจารณาเป็นทำนองว่า ที่ให้การรับสารภาพไปเพื่อไม่ให้จำเลยที่ 1 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายกับมีบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายที่ 3 และคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 3 ซึ่งเป็นพยานบอกเล่า และเป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกันพยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 4 ร่วมเป็นคนร้ายกระทำผิดด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่กับพวกได้ร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยใช้อาวุธปืนและมีดที่นำติดตัวไปเป็นอาวุธขู่บังคับผู้เสียหายทั้งสามใช้อาวุธปืนและมีดตีทำร้ายผู้เสียหายที่ 1และใช้เชือกมัดผู้เสียหายทั้งสามไว้ กับใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อกระทำผิด เพื่อพาทรัพย์ไป เพื่อให้พ้นจากการจับกุม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 340, 340 ตรี ริบของกลางและให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 74,300 บาท แก่ผู้เสียหายทั้งสาม
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรี จำคุกคนละ18 ปี จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา อันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกคนละ 12 ปี ริบของกลาง และให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 74,300 บาทแก่ผู้เสียหายทั้งสาม
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บันทึกคำให้การของ น. ผู้เห็นเหตุการณ์ขณะรีดผ้าอยู่ในบ้านซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านที่เกิดเหตุ ระบุมีชื่อจำเลยที่ 3 เป็นคนร้ายเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับ ว.ผู้ซึ่งขับรถจักรยานยนต์รับจ้างชายสามคนเข้าไปส่งในหมู่บ้านที่เกิดเหตุ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำ จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3มาให้ดูตัวก็ได้แจ้งว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นคนที่ว่าจ้างให้ไปส่งที่หมู่บ้านเกิดเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำแผนประทุษกรรมและถ่ายภาพไว้ นอกจากนี้ยังมีบันทึกคำให้การและภาพถ่ายการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นหลักฐานโดยมีพนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความประกอบว่า ชั้นสอบสวนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเช่นเดียวกับจำเลยอื่น ๆ ที่จำเลยที่ 3 นำสืบว่าถูกบังคับให้การรับสารภาพนั้น เมื่อโจทก์นำพนักงานสอบสวนเข้าเบิกความ จำเลยที่ 3 หาได้ถามค้านถึงความข้อนี้ไว้ไม่จำเลยที่ 3 อ้างตัวเองนำสืบภายหลังไม่มีน้ำหนัก เชื่อว่าจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจ จึงเป็นหลักฐานประกอบคำเบิกความของ น. และ ว. พยานโจทก์ดังกล่าวแล้วข้างต้นฟังได้ว่า จำเลยที่ 3 ร่วมเป็นคนร้ายกระทำผิดตามฟ้อง แต่สำหรับจำเลยที่ 4 นั้น โจทก์คงมีแต่คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ที่ให้การว่าเป็นผู้แนะนำ ค. ให้ไปจี้เอาทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งสาม และในวันเกิดเหตุได้ไปดูลาดเลาที่บ้านผู้เสียหายแล้วกลับมาบอก ค. กับพวกที่รออยู่ที่บ้านจำเลยที่ 4ให้ไปลงมือปล้นผู้เสียหายทั้งสามซึ่งเป็นพยานบอกเล่าและจำเลยที่ 4 นำสืบปฏิเสธเป็นทำนองว่า ที่ให้การรับสารภาพไปเพื่อไม่ให้จำเลยที่ 1 ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้าย กับมีบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายที่ 3 ที่ให้การว่า วันเอาหนังสือเดินทางไปคืนให้ผู้เสียหายที่ 1 จำเลยที่ 4 ได้สอบถามผู้เสียหายที่ 3ถึงที่เก็บทรัพย์จำพวกสร้อย เงินทอง และก่อนหน้าจะเกิดเหตุไม่นานก็ยังไปถามว่ามีคนมาซ่อมอ่างล้างจานหรือยัง และคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 มีใจความว่า ก่อนหน้าจะไปลงมือปล้น ค. ได้ขอให้จำเลยที่ 4 ไปดูลาดเลา จำเลยที่ 4 ขับรถยนต์ออกจากบ้านไปนานประมาณ 20 นาที แล้วกลับมาบอก ค. ว่าปลอดโปร่งดีให้ไปลงมือได้ ซึ่งเป็นพยานบอกเล่า ทั้งคำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวก็เป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกัน พยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 4 จึงไม่มีน้ำหนักมั่นคงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 4 ร่วมเป็นคนร้ายกระทำผิดตามฟ้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

Share