คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2551

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การตอนต้นว่า โจทก์ได้ขายรถยนต์พิพาทให้แก่ พ. แล้ว พ. นำรถยนต์พิพาทมาขายให้จำเลย แต่ตอนหลังกลับให้การว่า พ. เป็นตัวแทนหรือตัวแทนเชิดของโจทก์ โจทก์ต้องรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตและเสียค่าตอบแทน เป็นคำให้การปฏิเสธข้ออ้างคำฟ้องของโจทก์ในข้อเท็จจริง ซึ่งมีผลทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์พิพาทตามกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงตามที่จำเลยให้การต่อสู้เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับ พ. โดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิให้การต่อสู้คดีไปตามพฤติการณ์แห่งข้อเท็จจริงเท่าที่จำเลยพึงให้การได้ ทั้งในการซื้อขาย เจ้าของทรัพย์อาจทำสัญญาซื้อขายโดยตนเองหรือโดยมีตัวแทนไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือปริยายทำการขายทรัพย์สินนั้นแทนก็ได้ คำให้การของจำเลยดังกล่าวจึงมิใช่เป็นคำให้การที่ขัดแย้งกันหรือไม่ชัดแจ้งจนถึงขนาดที่ไม่อาจนำสืบไปในทางหนึ่งทางใดได้ ถือว่าเป็นคำให้การที่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน หมายเลขทะเบียน น – 5994 อ่างทอง คืนแก่โจทก์ หรือใช้ราคาแทน 100,000 บาท
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถยนต์กระบะพิพาทคืนแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน 100,000 บาท กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายเพียงประการเดียวว่า คำให้การของจำเลยเป็นคำให้การที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์พิพาท นายพงศ์นรินทร์หลอกลวงซื้อรถยนต์พิพาทจากโจทก์ โจทก์หลงเชื่อจึงมอบรถยนต์พร้อมใบคู่มือจดทะเบียนและชุดโอนลอยให้นายพงศ์นรินทร์ไป แม้จำเลยให้การในตอนต้นว่า โจทก์ได้ขายรถยนต์พิพาทให้นายพงศ์นรินทร์พร้อมมอบใบคู่มือจดทะเบียนและหลักฐานการโอนลอยให้แก่นายพงศ์นรินทร์ แล้วนายพงศ์นรินทร์นำรถยนต์พิพาทมาขายพร้อมได้มอบเอกสารเกี่ยวกับรถยนต์พิพาทให้แก่จำเลย แต่ตอนหลังจำเลยกลับให้การว่า อย่างไรก็ตาม หากโจทก์มิได้ขายให้นายพงศ์นรินทร์ แต่การที่โจทก์ส่งมอบการครอบครองรถยนต์พิพาทให้แก่นายพงศ์นรินทร์พร้อมมอบเอกสารเกี่ยวกับรถยนต์ให้นายพงศ์นรินทร์ ถือว่านายพงศ์นรินทร์เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนหรือโจทก์เชิดให้นายพงศ์นรินทร์เป็นตัวแทนขายรถ โจทก์ต้องรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกผู้สุจริตและเสียค่าตอบแทน คำให้การของจำเลยที่ว่า โจทก์ได้ขายรถยนต์พิพาทให้แก่นายพงศ์นรินทร์หรือนายพงศ์นรินทร์เป็นตัวแทนหรือตัวแทนเชิดของโจทก์ เป็นคำให้การปฏิเสธข้ออ้างคำฟ้องของโจทก์ในข้อเท็จจริง ซึ่งมีผลทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์พิพาทตามกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงตามที่จำเลยให้การต่อสู้เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับนายพงศ์นรินทร์โดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิให้การต่อสู้คดีไปตามพฤติการณ์แห่งข้อเท็จจริงเท่าที่จำเลยจะพึงให้การได้ ทั้งในการซื้อขายเจ้าของทรัพย์อาจทำสัญญาซื้อขายโดยตนเองหรือโดยมีตัวแทนไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือปริยายทำการขายทรัพย์สินนั้นแทนก็ได้ คำให้การของจำเลยดังกล่าวจึงมิใช่เป็นคำให้การที่ขัดแย้งกันหรือไม่ชัดแจ้งจนถึงขนาดที่ไม่อาจนำสืบไปในทางหนึ่งทางใดได้ ถือว่าเป็นคำให้การที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยมานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น เนื่องจากศาลอุทธรณ์ภาค 7 ยังมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ให้การต่อสู้คดีในประเด็นดังกล่าว เพื่อให้คดีเป็นไปตามลำดับชั้นศาล ทั้งอาจมีกรณีจำกัดสิทธิของคู่ความในการฎีกา สมควรย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิจารณาพิพากษาใหม่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยในประเด็นที่ยังมิได้วินิจฉัยแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้รวมสั่งเมื่อได้มีคำพิพากษาใหม่

Share