คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1502/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จดทะเบียนขายฝากที่พิพาทแก่จำเลย ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนโจทก์จำเลยทำสัญญากันว่า โจทก์ยืมเงินจำเลยจำนวนหนึ่ง โจทก์ขอต่อสัญญาขายฝากออกไปอีก 5 เดือน จำเลยจะไม่ขายที่ดินแปลงที่ขายฝากให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ถ้าโจทก์นำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระจำเลยจะโอนให้จะไม่คิดเกินราคาในสัญญานี้ ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญากันอีกว่าโจทก์ได้นำเงินมาชำระให้จำเลยส่วนหนึ่ง ขอต่อสัญญาไปอีก ดังนี้ข้อตกลงตามหนังสือสัญญากู้ทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นการขายกำหนดเวลาไถ่ มิใช่เป็นคำมั่นว่าจำเลยตกลงจะขายที่พิพาทคืนให้โจทก์จึงเป็นโมฆะเพราะขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนขายฝากที่ดินไว้แก่จำเลยมีกำหนด 10 เดือนต่อมาโจทก์ได้ขอต่ออายุสัญญาขายฝากออกไปอีก มีกำหนด 5 เดือน จำเลยตกลงยินยอมให้โจทก์ซื้อคืนได้ภายในกำหนด ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญาต่ออายุสัญญาออกไปอีก 4 เดือน ครบกำหนดโจทก์นำเงินไปชำระ จำเลยไม่ยอมขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินที่โจทก์ขายฝากจำเลยไว้

จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ไถ่การขายฝากภายในกำหนด ที่ดินหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลยแล้ว การขยายเวลาการขายฝากใช้บังคับไม่ได้ ถ้าจะฟังว่าจำเลยให้คำมั่นว่าจะขายที่พิพาทคืนให้โจทก์ โจทก์มิได้ปฏิบัติตามคำมั่น คำมั่นเป็นอันไร้ผล

ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยว่า หนังสือต่ออายุสัญญาขายฝากเป็นการขยายกำหนดเวลาไถ่ถอนการขายฝาก ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496 โจทก์ไม่ไถ่ถอนภายในกำหนดที่พิพาทหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลย โจทก์หมดสิทธิที่จะเอาคืน พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า หนังสือสัญญาที่โจทก์จำเลยทำไว้ไม่เป็นการขยายกำหนดเวลาไถ่การขายฝาก แต่เป็นคำมั่นว่าจำเลยจะขายที่ดินขายฝากคืนให้แก่โจทก์

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2516โจทก์จดทะเบียนขายฝากที่พิพาทแก่จำเลยเป็นเงิน 4,650 บาท มีกำหนดเวลาไถ่10 เดือน ครบกำหนดวันที่ 18 มีนาคม 2517 ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2517โจทก์จำเลยทำสัญญากันว่าโจทก์ยืมเงินจำเลยจำนวน 4,300 บาท สัญญาขายฝากสิ้นกำหนด โจทก์ขอต่อสัญญาขายฝากออกไปอีก 5 เดือน จนถึงวันที่23 กรกฎาคม 2517 จำเลยไม่ขายที่ดินแปลงที่ขายฝากให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ถ้าโจทก์นำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระจำเลยจะโอนให้ จะไม่คิดเกินราคาในสัญญานี้ต่อมาวันที่ 20 กรกฎาคม 2517 โจทก์จำเลยทำสัญญากันอีกว่าโจทก์ได้นำเงินมาชำระให้จำเลยจำนวน 300 บาท คงเหลือ 4,000 บาท ขอต่อสัญญาไปอีกจนถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2517 เห็นว่า ข้อตกลงตามหนังสือสัญญาดังกล่าวเป็นการขยายกำหนดเวลาไถ่ ข้อความในสัญญาที่ว่าจำเลยจะไม่ขายที่ดินแปลงที่ขายฝากให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดถ้าโจทก์นำเงินมาชำระ จำเลยจะโอนให้ เป็นเพียงคำรับรองของจำเลยยอมให้โจทก์ไถ่ในจำนวนเงินที่ระบุไว้ แม้จะพ้นกำหนดเวลาไถ่ มิใช่เป็นคำมั่นว่าจำเลยตกลงจะขายที่พิพาทคืนให้โจทก์ การขยายกำหนดเวลาไถ่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496 เป็นโมฆะ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่พิพาทให้โจทก์หาได้ไม่

พิพากษายืน

Share