คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15000/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ยื่นคำฟ้องฉบับใหม่แทนคำฟ้องฉบับเดิมก็เพื่อความสะดวกในการพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นเท่านั้น ศาลชั้นต้นต้องพิจารณาคำฟ้องฉบับเดิมและคำร้องขอแก้ฟ้องประกอบคำฟ้องฉบับใหม่ด้วย จะถือคำฟ้องฉบับใหม่ฉบับเดียวแทนคำฟ้องฉบับเดิมไม่ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ขอแก้ไขฟ้องส่วนที่เกี่ยวกับการขอนับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 277/2556 ทั้งในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ระบุว่าจำเลยที่ 1 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 265/2556 การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 277/2556 จึงขัดแย้งกัน เชื่อว่าศาลชั้นต้นพิจารณาจากคำฟ้องฉบับใหม่ที่โจทก์พิมพ์ผิดพลาด ไม่ได้พิจารณาจากคำฟ้องฉบับเดิม ถือว่าเป็นการเขียนหรือพิมพ์ผิดพลาดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 190

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 91, 264, 265, 268, 352, 353 และนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 277/2556 ของศาลชั้นต้น และนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 211/2556, 1527/2556 และ 1766/2556 และโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขดำที่ 265/2556, 276/2556, 277/2556, 295/2556, 1200/2556 และ 1709/2556 ของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265, 353 ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันยักยอก ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอมเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 17 กระทง จำคุก 102 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 51 เดือน ให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 277/2556 ของศาลชั้นต้น และนับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ 211/2556, 1527/2556 และโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขดำที่ 265/2556, 276/2556, 277/2556, 295/2556 และ 1200/2556 ของศาลชั้นต้น ส่วนคำขอให้นับโทษต่อในคดีอื่นนั้นศาลยังไม่มีคำพิพากษา จึงให้ยกคำขอส่วนนี้ เกี่ยวกับการนับโทษต่อคดีนี้กับคดีที่นับโทษต่อลักษณะและความผิดเป็นอย่างเดียวกัน ซึ่งโจทก์อาจยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองทุกกระทงความผิดเป็นสำนวนเดียวกันได้ คดีนี้กับคดีที่นับโทษดังกล่าวจึงมีความผิดเกี่ยวพันกัน อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 160 วรรคหนึ่ง การนับโทษต่อจึงต้องอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2) เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงทุกคดีแล้วให้จำคุกได้ไม่เกิน 20 ปี
โจทก์ยื่นคำร้อง ขอให้แก้ไขคำพิพากษาให้ถูกต้องตามคำฟ้องของโจทก์โดยให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 265/2556 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องเป็นการที่โจทก์ขอแก้ไขคำพิพากษาเนื่องมาจากคำพิพากษาพิมพ์ผิดพลาด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190 คดีนี้ แต่เดิมโจทก์ยื่นคำฟ้องฉบับแรก ต่อมาโจทก์ทำคำฟ้องฉบับใหม่ยื่นแทนฉบับเดิม ศาลอนุญาต และรับฟ้องฉบับดังกล่าวไว้ คำพิพากษาของศาลในส่วนที่ขอแก้ไขระบุหมายเลขคดีที่นับโทษต่อตรงกับคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ฉบับดังกล่าว คำพิพากษาของศาลไม่ได้พิมพ์ผิดพลาด อันจะเป็นเหตุให้ขอแก้ไขได้ตามบทบัญญัติดังกล่าว ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 277/2556 ของศาลชั้นต้น เป็นถ้อยคำที่เขียนหรือพิมพ์ผิดพลาดหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะทำคำฟ้องฉบับใหม่ตามคำฟ้องท้ายคำร้องฉบับลงวันที่ 14 ตุลาคม 2556 ยื่นต่อศาลชั้นต้นแทนคำฟ้องฉบับเดิมสืบเนื่องมาจากโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องหลายครั้งก็ตาม แต่การทำคำฟ้องฉบับดังกล่าวก็เพื่อความสะดวกในการพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นเท่านั้น เพราะคำฟ้องฉบับเดิมยังคงมีอยู่ ดังนี้ ในการพิจารณาพิพากษาคดี ศาลชั้นต้นจึงต้องพิจารณาจากคำฟ้องฉบับเดิมและคำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์ประกอบคำฟ้องฉบับใหม่ด้วย จะยึดถือคำฟ้องฉบับใหม่เพียงฉบับเดียวแทนคำฟ้องฉบับเดิมไม่ได้ เมื่อตามคำร้องขอแก้ฟ้องฉบับลงวันที่ 14 ตุลาคม 2556 โจทก์ไม่ได้ขอแก้ฟ้องเกี่ยวกับการนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 277/2556 ของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นย่อมไม่อาจนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาดังกล่าวได้ ทั้งเมื่อพิจารณาคำพิพากษาศาลชั้นต้น หน้า 29 ตอนท้าย ก็ระบุว่า จำเลยที่ 1 ในคดีนี้เป็นบุคคลเดียวกับจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 265/2556 ของศาลจังหวัดพัทลุง การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 277/2556 ของศาลชั้นต้น จึงเป็นการขัดแย้งกับข้อความดังกล่าว เชื่อว่า ศาลชั้นต้นเขียนหรือพิมพ์คำพิพากษาในเรื่องการนับโทษจำเลยที่ 1 โดยไม่ได้พิจารณาจากคำฟ้องฉบับเดิม แต่พิจารณาจากคำฟ้องฉบับใหม่ที่โจทก์พิมพ์ผิดพลาด ถือว่าเป็นการเขียนหรือพิมพ์ผิดพลาด ศาลฎีกาชอบที่จะแก้ไขเสียให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 190 แต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นข้อความที่ว่า ให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 277/2556 ของศาลชั้นต้น เป็น ให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 265/2556 ของศาลชั้นต้น

Share