แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 13 บัญญัติว่า “ถ้าเจ้าของโรงเรือนใดติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมบางอย่าง เช่น โรงสี โรงเลื่อย ฯลฯ ขึ้นในโรงเรือนนั้น ๆ ในการประเมินท่านให้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้น รวมทั้งส่วนควบดังกล่าวแล้วด้วย” เครื่องชั่งน้ำหนักมีระบบคานชั่งติดตั้งอยู่ใต้พื้นดินด้านข้างของอาคารเครื่องชั่งทั้งสองด้าน โดยใต้คานชั่งน้ำหนักจะมีอุปกรณ์เกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักซึ่งเป็นระบบกลไกเชื่อมโยงไปยังอาคารควบคุมเครื่องชั่ง เมื่อมีรถบรรทุกผ่านเครื่องชั่งคอมพิวเตอร์จะทำงานและส่งข้อมูลน้ำหนักรถและวัตถุที่บรรทุกไปยังอาคารควบคุมเครื่องชั่ง เครื่องชั่งน้ำหนักของโจทก์จึงเป็นเครื่องจักรกลไกที่ไม่ได้ติดตั้งอยู่ภายในอาคารควบคุมเครื่องชั่ง แต่ถูกติดตั้งลงใต้พื้นดินด้านข้างอาคารดังกล่าว โดยมิได้ยึดติดอยู่กับตัวอาคาร เครื่องชั่งน้ำหนักของโจทก์จึงมิใช่ส่วนควบที่สำคัญที่มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำ หรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมที่ติดตั้งขึ้นในโรงเรือนตามมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475
สภาพของเครื่องชั่งน้ำหนักมีระบบคานชั่งติดตั้งอยู่ใต้พื้นและติดตรึงถาวรกับพื้นดิน มีแผ่นเหล็กขนาดใหญ่ปิดให้รถบรรทุกวิ่งขึ้นชั่งน้ำหนักจึงมีสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นตามมาตรา 6 (1) แห่ง พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 การประเมินและคำชี้ขาดของจำเลยที่ไม่ลดค่ารายปีในทรัพย์สินรายการนี้ลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีจึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินและคำชี้ขาดค่ารายปีและค่าภาษีของจำเลย ให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีที่โจทก์ชำระให้เกินไป 20,433.94 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้แก้ไขใบแจ้งคำชี้ขาดเล่มที่ 1 เลขที่ 1 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2555 โดยกำหนดค่ารายปีสำหรับเครื่องชั่งน้ำหนักรถ 36,666.66 บาท คำนวณเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน 4,583.33 บาท ให้จำเลยคืนเงินส่วนที่โจทก์ชำระเกินไปจำนวน 9,166.67 บาท พร้อมเงินเพิ่มร้อยละสองครึ่งของต้นเงินดังกล่าวแก่โจทก์ ภายในสามเดือนนับแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุด หากไม่คืนภายในกำหนดให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดสามเดือนจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลภาษีอากรกลางรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังยุติตามที่คู่ความไม่ได้โต้เถียงกันว่า โจทก์เป็นเจ้าของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประกอบกิจการโม่และย่อยหินเพื่อจำหน่าย ทำเหมืองแร่ ผลิต ตกแต่ง กรรมวิธีการผลิต แปรรูป ซึ่งผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง ตั้งอยู่เลขที่ 22 หมู่ 1 ถนนมิตรภาพ ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 โจทก์ยื่นแบบแจ้งรายการเพื่อเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปีภาษี 2555 (ภ.ร.ด. 2) พร้อมแนบเอกสารสัญญาเช่า 2 ฉบับ คือ สัญญาเช่าทรัพย์สินระหว่างโจทก์กับบริษัทยูไนเต็ดปูนขาว จำกัด ฉบับลงวันที่ 1 มกราคม 2554 กำหนดเวลาเช่า 6 เดือน และสัญญาเช่าอาคาร โรงเรือนและที่ดิน และเครื่องจักรกลเครื่องกำเนิดสินค้า ระหว่างโจทก์กับบริษัททองพล จำกัด ฉบับลงวันที่ 13 สิงหาคม 2554 กำหนดเวลาเช่า 5 เดือน ต่อมาจำเลยมีใบแจ้งรายการประเมินแก่โจทก์ว่ามีทรัพย์สินที่เป็นโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นที่ต้องเสียภาษี 5 รายการ คือ อาคารโรงซ่อม หม้อแปลงไฟฟ้า ถังบรรจุน้ำมัน อาคารเครื่องชั่ง อาคารสำนักงาน เป็นค่ารายปี 387,126.67 บาท คิดเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน 48,390.83 บาท โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ โดยระบุพอใจให้เป็นค่าภาษี 29,166.66 บาท ต่อมาคณะกรรมการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่มีมติยืนตามประเมิน โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำชี้ขาดจึงฟ้องเป็นคดีนี้ ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยให้แก้ไขใบแจ้งคำชี้ขาดเฉพาะในส่วนของอาคารเครื่องชั่งน้ำหนัก โจทก์ไม่อุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์เฉพาะในส่วนของการกำหนดค่ารายปีและค่าภาษีสำหรับอาคารเครื่องชั่งน้ำหนัก การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่และคำชี้ขาดของจำเลยในส่วนของทรัพย์สินรายการอื่นจึงยุติแล้ว
คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่และคำชี้ขาดของนายกเทศมนตรีสีมามงคลในส่วนของเครื่องชั่งน้ำหนักชอบหรือไม่ และจำเลยต้องคืนเงินค่าภาษีของโจทก์หรือไม่ ที่จำเลยอุทธรณ์ว่า เครื่องชั่งน้ำหนักรถติดตรึงถาวรบนพื้นดินอยู่ภายนอกอาคาร อุปกรณ์ของเครื่องชั่งน้ำหนักอยู่ใต้พื้นดินและอยู่ภายนอกอาคาร อาคารชั่งน้ำหนักเป็นเพียงห้องควบคุมการชั่งน้ำหนักรถ ทั้งเครื่องชั่งน้ำหนักไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตปูนขาวโดยตรง อาคารของโจทก์ดังกล่าวจึงมิใช่โรงเรือนที่ติดตั้งส่วนควบสำคัญที่มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำ หรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรม ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 เครื่องชั่งน้ำหนักเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ นั้น โจทก์นำสืบว่า อาคารเครื่องชั่งน้ำหนักเป็นโรงเรือนที่ติดตั้งส่วนควบอันมีลักษณะเป็นเครื่องจักร กลไก เพื่อใช้ในการอุตสาหกรรมผลิตปูนขาวของโจทก์และผู้เช่า อุปกรณ์เครื่องชั่งน้ำหนัก เช่น ระบบปั๊มน้ำ บ่อคอนกรีต แม้อยู่ใต้พื้นดินและอยู่นอกอาคารชั่งน้ำหนัก แต่เป็นกลไกที่สำคัญเชื่อมโยงไปยังอาคารชั่งน้ำหนัก เมื่อรถบรรทุกผ่านเครื่องชั่งน้ำหนักระบบคานชั่งและคอมพิวเตอร์จะทำงานส่งข้อมูลไปยังอาคารที่มีระบบบันทึกน้ำหนัก ถือว่าเป็นส่วนควบของอาคารชั่งน้ำหนัก และโจทก์มีไว้เพื่อใช้ในการประกอบกิจการของโจทก์ ส่วนจำเลยนำสืบว่า เครื่องชั่งน้ำหนักของโจทก์มีขนาดกว้าง 14 เมตร ยาว 26 เมตร เครื่องชั่งน้ำหนักอยู่สองด้านระหว่างอาคาร ไม่ได้ติดตั้งอยู่ภายในอาคาร ตัวเครื่องชั่งประกอบด้วยแผ่นเหล็กขนาดใหญ่ให้รถบรรทุกวิ่งขึ้นเพื่อชั่งน้ำหนักมีระบบกลไกอยู่ด้านล่างเหมือนเครื่องชั่งน้ำหนักทั่วไป จากการสอบถามผู้เช่ามีการใช้เครื่องชั่งน้ำหนักชั่งน้ำหนักรถบรรทุกปูนขาวที่ผลิตเสร็จเพื่อนำออกจำหน่าย ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตปูนขาวโดยตรง จึงมิใช่เครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมโดยตรง ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามตามมาตรา 13 เห็นว่า พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 13 บัญญัติว่า “ถ้าเจ้าของโรงเรือนใดติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมบางอย่าง เช่น โรงสี โรงเลื่อย ฯลฯ ขึ้นในโรงเรือนนั้น ๆ ในการประเมิน ท่านให้ลดค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้น รวมทั้งส่วนควบดังกล่าวแล้วด้วย” เมื่อพิจารณาภาพถ่ายเครื่องชั่งน้ำหนัก ประกอบกับลักษณะและสภาพของอาคารชั่งน้ำหนักตามทางนำสืบของโจทก์และจำเลยแล้ว จะเห็นได้ว่าเครื่องชั่งน้ำหนักมีระบบคานชั่งติดตั้งอยู่ใต้พื้นดินด้านข้างของอาคารเครื่องชั่งทั้งสองด้าน โดยใต้คานชั่งน้ำหนักจะมีอุปกรณ์เกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักซึ่งเป็นระบบกลไกเชื่อมโยงไปยังอาคารควบคุมเครื่องชั่ง เมื่อมีรถบรรทุกผ่านเครื่องชั่งคอมพิวเตอร์จะทำงานและส่งข้อมูลน้ำหนักรถและวัตถุที่บรรทุกไปยังอาคารควบคุมเครื่องชั่ง เครื่องชั่งน้ำหนักของโจทก์จึงเป็นเครื่องจักรกลไกที่ไม่ได้ติดตั้งอยู่ภายในอาคารควบคุมเครื่องชั่ง แต่ถูกติดตั้งลงใต้พื้นดินด้านข้างอาคารดังกล่าว โดยมิได้ยึดติดอยู่กับตัวอาคาร เครื่องชั่งน้ำหนักของโจทก์จึงมิใช่ส่วนควบที่สำคัญที่มีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไก เครื่องกระทำ หรือเครื่องกำเนิดสินค้า เพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมที่ติดตั้งขึ้นในโรงเรือนตามมาตรา 13 ส่วนประเด็นว่า เครื่องชั่งน้ำหนักของโจทก์เป็นสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าสภาพของเครื่องชั่งน้ำหนักมีระบบคานชั่งติดตั้งอยู่ใต้พื้นและติดตรึงถาวรกับพื้นดิน มีแผ่นเหล็กขนาดใหญ่ปิดให้รถบรรทุกวิ่งขึ้นชั่งน้ำหนักจึงมีสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นตามมาตรา 6 (1) แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 การประเมินและคำชี้ขาดของจำเลยที่ไม่ลดค่ารายปีในทรัพย์สินรายการนี้ลงเหลือหนึ่งในสามของค่ารายปีจึงชอบแล้ว และจำเลยไม่ต้องคืนเงินภาษีแก่โจทก์ ที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้แก้ไขใบแจ้งคำชี้ขาดในส่วนเครื่องชั่งน้ำหนักรถ และให้จำเลยคืนเงินแก่โจทก์จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ